หน่วยสมรรถนะ
ตรวจวัด ประเมินและติดตามการรับสัมผัสอันตรายด้านเคมี ในสถานะก๊าซและของแข็ง ทางการหายใจของผู้ปฏิบัติงาน
สาขาวิชาชีพอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
รายละเอียดหน่วยสมรรถนะ
1. รหัสหน่วยสมรรถนะ | WPS-ZOOC-028B |
2. ชื่อหน่วยสมรรถนะ | ตรวจวัด ประเมินและติดตามการรับสัมผัสอันตรายด้านเคมี ในสถานะก๊าซและของแข็ง ทางการหายใจของผู้ปฏิบัติงาน |
3. ทบทวนครั้งที่ | 1 / 2562 |
4. สร้างใหม่ |
![]() |
ปรับปรุง |
![]() |
5. สำหรับชื่ออาชีพและรหัสอาชีพ (Occupational Classification) | |
อาชีพนักความปลอดภัยในการทำงาน |
6. คำอธิบายหน่วยสมรรถนะ (Description of Unit of Competency) | |
ผู้ที่ผ่านหน่วยสมรรถนะนี้จะต้องมีความรู้เรื่องข้อกำหนดกฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม และมีความรู้เรื่องแนวทางปฏิบัติที่ดีด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย สามารถ กำหนดแผนงานและกลวิธีในการตรวจวัด ประเมินและติดตามการสัมผัสอันตรายด้านเคมี ในสถานะก๊าซและของแข็ง ทางการหายใจของผู้ปฏิบัติงานได้ โดยการตรวจวัด เก็บตัวอย่างและวิเคราะห์ตัวอย่างสารเคมี ในสถานะก๊าซและของแข็ง และประเมินและติดตามการสัมผัสอันตรายด้านเคมีของผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งสามารถสรุปและรายงานผลการดำเนินการตรวจวัดอันตรายทางเคมีของผู้ปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมการทำงานได้ |
7. สำหรับระดับคุณวุฒิ |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
---|---|---|---|---|---|---|---|
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
8. กลุ่มอาชีพ (Sector) | |
ผู้ปฏิบัติงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย |
9. ชื่ออาชีพและรหัสอาชีพอื่นที่หน่วยสมรรถนะนี้สามารถใช้ได้ (ถ้ามี) | |
N/A |
10. ข้อกำหนดหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง (Licensing or Regulation Related) (ถ้ามี) | |
1. พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 |
11. สมรรถนะย่อยและเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Elements and Performance Criteria) |
หน่วยสมรรถนะย่อย (EOC) | เกณฑ์ในการปฏิบัติงาน (Performance Criteria) |
---|---|
B302.1 กำหนดแผนงานและกลวิธีในการตรวจวัด ประเมินและติดตามการสัมผัสอันตรายทางกายภาพ ด้านความสั่นสะเทือน ความเย็น รังสีไม่ก่อไอออน และอื่นๆ ของผู้ปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมการทำงาน |
1. ระบุกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจวัดรับความเข้มข้นของเคมีได้
2. วิเคราะห์ข้อมูลจากการชี้บ่งอันตรายและประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น เพื่อใช้กำหนดวิธีตรวจวัด การเก็บและวิเคราะห์ตัวอย่างที่เหมาะสม
3. กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายการตรวจวัด ประเมินและติดตามการสัมผัสอันตรายด้านเคมี ในสถานะก๊าซและของแข็งได้
4. กำหนดวิธีการตรวจวัด และวิเคราะห์สารเคมีทางห้องปฏิบัติการที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับได้
5. จัดทำแผนงานในการตรวจวัด การเก็บและวิเคราะห์ตัวอย่าง การประเมินและติดตามการสัมผัสอันตรายด้านเคมี ในสถานะก๊าซและของแข็งได้
6. ระบุแนวทางในการคัดเลือกผู้ดำเนินการตรวจวัดและวิเคราะห์ตัวอย่างได้
7. กำหนดทีมหรือผู้รับผิดชอบ และระยะเวลาเสร็จสิ้นในการดำเนินการของแต่ละกิจกรรมในแผนการตรวจวัด ประเมินและติดตามการสัมผัสอันตรายด้านเคมี ในสถานะก๊าซและของแข็งได้
8. นำเสนอแผนการตรวจวัด ประเมินและติดตามการสัมผัสอันตรายด้านเคมี ในสถานะก๊าซและของแข็ง ต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือผู้บริหารได้ |
B302.2 ตรวจวัดสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ด้านความสั่นสะเทือน ความเย็น รังสีไม่ก่อไอออน และอื่นๆ |
1. กำหนดเทคนิคการเก็บและวิเคราะห์ตัวอย่างสารเคมีในสถานะก๊าซและของแข็งได้ตามกฎหมาย
2. เลือกใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ในการเก็บและวิเคราะห์ตัวอย่าง และอุปกรณ์ปรับเทียบที่ถูกต้องตามหลักวิชาการได้
3. ระบุหลักการและวิธีในการเก็บและวิเคราะห์ตัวอย่างสารเคมีในสถานะก๊าซและของแข็งได้ถูกต้องตามหลักวิชาการ
4. ติดตั้ง ตรวจสอบ และดำเนินการเก็บตัวอย่างสารเคมีในสถานะก๊าซและของแข็ง ทั้งแบบพื้นที่และแบบติดตัวบุคคลได้ |
B302.3 ประเมินและติดตามการสัมผัสอันตรายทางกายภาพ ด้านความสั่นสะเทือน ความเย็น รังสีไม่ก่อไอออน และอื่นๆ ของผู้ปฏิบัติงาน |
1. ระบุช่องทางการรับสัมผัส ความถี่และความรุนแรงในการรับสัมผัสของอันตรายทางเคมี ในสถานะก๊าซและของแข็งได้
2. คำนวณระดับความเข้มข้นของสารเคมีที่ตรวจวัดได้
3. เปรียบเทียบผลการตรวจวัดกับค่ามาตรฐานตามกฎหมายได้
4. วางแผนการตรวจติดตามการสัมผัสอันตรายทางเคมี โดยกำหนดความถี่ในการประเมินซ้ำได้ถูกต้องตามกฎหมาย
5. ตรวจติดตามการสัมผัสอันตรายทางเคมี ตามความจำเป็นและกำหนดเวลาที่ได้วางแผนไว้ |
B302.4 สรุปและรายงานผลการดำเนินการตรวจวัดอันตรายทางเคมี ในสถานะก๊าซและของแข็ง ของผู้ปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมการทำงาน |
1. สรุปผลและจัดทำรายงานการตรวจวัดการสัมผัสอันตรายทางเคมีตามข้อกำหนดของกฎหมายได้
2. ตรวจสอบความถูกต้องของรายงานการสรุปผล
3. นำเสนอรายงานผลการตรวจวัดและผลการตรวจติดตามการสัมผัสให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือผู้บริหารทราบได้ |
12. ความรู้และทักษะก่อนหน้าที่จำเป็น (Pre-requisite Skill & Knowledge) | |
ผู้เข้ารับการประเมินต้องมีความรู้ด้านกฎหมาย ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสุขศาสตร์อุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการด้าน ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2549 และ พ.ศ. 2549 ISO 45001:2018 ระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย |
13. ทักษะและความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge) | |
(ก) ความต้องการด้านทักษะ 1. ทักษะเลือกและการสุ่มตัวอย่างที่เหมาะสม โดยใช้เครื่องตรวจมือวัด การวิเคราะห์ผล และการวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็ง (ข) ความต้องการด้านความรู้ 1. ความรู้พื้นฐานทางด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ |
14. หลักฐานที่ต้องการ (Evidence Guide) | |
(ก) หลักฐานการปฏิบัติงาน (Performance Evidence) |
15. ขอบเขต (Range Statement) | |
(ก) คำแนะนำ คำอธิบายรายละเอียด |
16. หน่วยสมรรถนะร่วม (ถ้ามี) | |
N/A |
17. อุตสาหกรรมร่วม/กลุ่มอาชีพร่วม (ถ้ามี) | |
N/A |
18. รายละเอียดกระบวนการและวิธีการประเมิน (Assessment Description and Procedure) | |
18.1 เครื่องมือประเมินการกำหนดแผนงานและกลวิธีในการตรวจวัด ประเมินและติดตามการสัมผัสอันตรายด้านเคมี ในสถานะก๊าซและของแข็ง ทางการหายใจของผู้ปฏิบัติงานตามข้อกำหนดมาตรฐาน |