บุคคลต้องมีความรู้ ทักษะ และความสามารถในการปฏิบัติงานตามกระบวนการพยาบาลสัตว์เลี้ยง อันได้แก่ การคัดกรองและประเมินสภาพสัตว์ป่วยเบื้องต้น ตรวจสอบความถูกต้องของยาที่จะให้แก่สัตว์ป่วยตามคำสั่นายงสัตวแพทย์ และปฏิบัติการตามหลักการพยาบาล  

พยาบาลสัตว์

1. พระราชบัญญัติวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ. 2545

2. คู่มือประกอบเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ. 2553

1. ประเมินสัญญาณชีพที่จำเป็นภายใต้การควบคุม กำกับ และดูแล ของนายสัตวแพทย์

2. ประเมินคะแนนความสมบูรณ์ของร่างกาย (Body condition score) อยู่ภายใต้การควบคุม กำกับ และดูแล ของนายสัตวแพทย์

3. วางแผน ดำเนินการ และแก้ไขติดตามอาการแสดงและสุขภาพสัตว์ตามกระบวนการพยาบาล

4. บันทึกข้อมูลทางการพยาบาลลงแฟ้มประวัติสัตว์ป่วยให้ถูกต้องและครบถ้วน

1. ตรวจสอบความถูกต้องของยาที่จะให้แก่สัตว์ป่วยตามคำสั่งนายสัตวแพทย์

2. ให้ยาแก่สัตว์ป่วยตามคำสั่งของนายสัตวแพทย์ 

3. จดบันทึกการจัดยาให้นายสัตวแพทย์ทราบ

1. ประเมินภาวะสุขภาพ (Health Assessment )

2. วินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnosis)

3. วางแผนการพยาบาล (Plan)

4. ปฏิบัติการพยาบาล (Implementation) 

5. ประเมินผล (Health Evaluation) 

10201  เตรียมวัสดุอุปกรณ์การแพทย์และดูแลสัตว์ป่วยเพื่อเข้ารับการรักษาตามแผนการรักษาของนายสัตวแพทย์
10202  บริหารจัดการยาเวชภัณฑ์ และวัสดุทางการแพทย์ตามแผนการรักษาของนายสัตวแพทย์

          ความรู้และทักษะการปฏิบัติทางการพยาบาลเบื้องต้น

(ก) ความต้องการด้านทักษะ

1. ทักษะในการประเมินอาการและวินิจฉัยสัตว์ตามอาการเบื้องต้น
2. มีทักษะการปฐมพยาบาลและช่วยสัตว์ป่วยฉุกเฉิน
3. ทักษะการพยาบาลทางด้านการทำหัตถกรรม

(ข) ความต้องการด้านความรู้

1. ความรู้เกี่ยวกับหลักการตรวจร่างกายและคัดกรองสุขภาพเบื้องต้นทั่วไป

2. ความรู้ทางด้านระบบสรีวิทยาของร่างกายสัตว์เลี้ยง

3. ความรู้ทางด้านอธิบายการเกิดโรคภาวะต่างของสัตว์

4. ความรู้ทางด้านการรักษาสัตว์ป่วยเบื้องต้น

      หลักฐานที่ต้องการจะกำหนดข้อแนะนำเกี่ยวกับการประเมิน และควรที่จะใช้ประกอบร่วมกันกับเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Performance Criteria) และ ความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge)      

      (ก) หลักฐานการปฏิบัติงาน (Performance Evidence)

          1. ใบบันทึกจากการสังเกตการณ์ปฏิบัติงาน
          2. เอกสารรับรองผลงานและความรู้ความสามารถที่ผ่านมา (ถ้ามี)

          3. เอกสารรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาวิชาชีพธุรกิจบริการสัตว์เลี้ยง อาชีพพยาบาลสัตว์ ระดับ 5 (ถ้ามี)

      (ข) หลักฐานความรู้ (Knowledge Evidence)

            1. ผลการทดสอบความรู้

            2. เอกสาร/หลักฐานที่เกี่ยวข้อง  

            3. วุฒิบัตร ประกาศนียบัตร หรือใบรับรองผลการศึกษา (ถ้ามี)

      (ค) คำแนะนำในการประเมิน

ผู้เข้ารับการประเมินต้องผ่านการประเมินที่ครอบคลุมในทุกสมรรถนะย่อยขอบเขตความรู้และทักษะที่กำหนดในกรณีที่ผู้รับการประเมินผ่านไม่ครบตามเกณฑ์กำหนดผู้ประเมินต้องแจ้งหน่วยสมรรถนะและสมรรถนะย่อยที่ไม่ผ่านให้ผู้รับการประเมินไปทบทวนสมรรถนะที่ยังไม่ผ่านและสามารถกลับมาทดสอบสมรรถนะใหม่อีกครั้ง

(ง) วิธีการประเมิน

            1. ผู้ประเมินทำการประเมินความรู้ผู้เข้าทดสอบโดยใช้แบบทดสอบความรู้และ/หรือเอกสาร/หลักฐานที่เกี่ยวข้อง

            2 ทดสอบการปฏิบัติการ

 (ก) คำแนะนำ

การทำงานสนับสนุนงานตามแผนการรักษาภายใต้การควบคุมของนายสัตวแพทย์

 (ข) คำอธิบายรายละเอียด

1.กระบวนการพยาบาล หมายถึง การปฏิบัติงานทางด้านการพยาบาลในสถานการณ์ที่มีความซับซ้อนเป็นกระบวนการที่ต้องคิดอย่างเป็นเหตุผลรวบรวมข้อมูลต่างๆเข้าด้วยกันเพื่อตอบสนองอาการของสัตว์ป่วย

2 ประเมินสภาพสัตว์ หมายถึง ดำเนินการประเมินข้อมูล 4ด้าน อุณหภูมิ ชีพจร การหายใจ และความเจ็บปวด ตลอดจนประวัติสัตว์ การรักษา และภาวะทางด้านโภชนาการ

3. วินิจฉัยอาการ คือ การตรวจเช็คอาการ จากประวัติการส่งตรวจเพื่อบ่งชี้อาการหรือโรคของสัตว์ป่วย ในกรณีฉุกเฉิน หรือการประเมินเบื้องต้นภายใต้การควบคุมของนายสัตวแพทย์

4. การประเมินความสมบูรณ์ของร่างกาย (Body condition score) คือ การให้คะแนนรูปร่างตามความสัดส่วนร่างกายของสัตว์เป็นการประเมินเบื้องต้นมี 5 ระดับ คือ (wsava Nutrinalguidline) ได้แก่ ผอมมาก น้ำหนักมาตรฐาน น้ำหนักมาตรฐาน น้ำหนักเกินมาตรฐาน และอ้วน

5. ตรวจสอบความถูกต้องของยาตามหลัก 6R (Right name, Right drug, Right dose,Right route,Right time, Right Technique) หมายถึง

• Right Name คือ การให้ยาอย่างถูกต้องตรงตัวของสัตว์ป่วย โดยมีการระบุตัวสัตว์ป่วยได้ถูกต้อง ผ่านการ Identify และผ่านการ Double check
• Right Drug คือ การให้ยาที่ถูกชนิดตามที่นายสัตวแพทย์ผู้สั่งใช้ยาสั่ง ต้องระวังชื่อยาที่เขียนคล้ายกัน เช่น DoPamine กับ DoButamine ถ้านายสัตวแพทย์ผู้สั่งใช้ยาเขียนไม่ชัดเจน ต้องทวนสอบแผนการรักษากับนายสัตวแพทย์ทุกครั้ง
• Right Dose คือ การให้ยาที่ถูกขนาดตามที่นายสัตวแพทย์ผู้สั่งใช้ยาอย่างเคร่งคัด ไม่ให้ขนาดที่สูงหรือต่ำกว่าผู้สั่งใช้ยาสั่งในแต่ละครั้งของการให้ยา ต้องอ่านและตรวจสอบขนาดของยาให้ถูกต้อง ก่อนให้ยาแก่สัตว์ป่วย
• Right Route คือให้ยาอย่างถูกทางและถูกตำแหน่งตามที่ผู้สั่งใช้ยาสั่ง เช่น โดยการรับประทาน การหยอด ป้าย หยด
• Right Technique เป็นการเตรียมยาและให้ยาอย่างถูกวิธี เช่น มีการเตรียมยาในสารละลายที่เหมาะสมไม่มีตกตะกอน ผสมแล้วความเข้มข้นถูกต้อง, ยาไม่เสื่อมสภาพ, มีการป้องกันแสงสำหรับยาที่ไวต่อแสง, ไม่ผสมยา 2 ชนิดที่เข้ากันไม่ได้ด้วยกัน รวมไปถึงให้ยาอย่างถูกเทคนิค เช่น การบริหารยาHigh Alert Drug ต้องบริหารยาผ่าน Infusion Pump เท่านั้น เป็นต้น
• Right Time คือ การให้ยาถูกต้องตามเวลาที่กำหนดไว้ในนโยบายการให้ยาของแต่ละโรงพยาบาล เช่นไม่ให้ยาเกินกว่า 30 นาทีก่อนหรือหลังเวลาการให้ยาที่กำหนดไว้ใน Med sheet และเขียนเวลาที่ให้ยาตามเวลาที่ให้ยาแก่สัตว์ป่วยจริง

6. การประเมินภาวะสุขภาพ (Health Assessment ) หมายถึง การประเมินความเป็นไปของสุขภาพของสัตว์ป่วย ครอบครัวสัตว์ป่วย หรือสภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ได้ผลบ่งชี้ถึงสถานภาพทาสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นำมาซึ่งงการวางแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาทางด้านสุขภาพ

7. การวินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnosis) หมายถึง การใช้วิจารณญาณทางคลินิกเกี่ยวกับการตอบสนองของบุคคล ครอบครัว ชุมชน ต่อปัญหา สุขภาพในปัจจุบัน หรือต่อปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหรือต่อกระบวนการของชีวิต โดยข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลจะเป็นพื้นฐานของการเลือกวิธีการให้การพยาบาลเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์อยู่ในขอบเขตความรับผิดชอบของพยาบาล

8. การวางแผนการพยาบาล (Plan) หมายถึง การวางแผนทางการพยาบาลโดยยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง เป็นการนำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาใช้ร่วมกับงานประจำ โดยมีขึ้นตอนในการวางแผนคือ การเรียงลำดับความสำคัญของปัญหา การตั้งเป้าหมายและการประเมินผล การกำหนดกิจกรรมทางการพยาบาล และการเขียนแผนการพยาบาล

9. การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation) หมายถึง  การปฏิบัติทางด้านการพยาบาลทางร่างกายและจิตใจของสัตว์ป่วยพร้อมทั้งสอนการดูแลกับุคคลใกล้ชิด
10. การประเมินผล (Health Evaluation) หมายถึง การประเมินผลหลังการแก้ไขปัญหาสัตว์ป่วยทางกระบวนการพยาบาล

เจ้าหน้าที่สอบพิจารณาหลักฐานจากที่เป็นเอกสารรับรองผลงาน รับรองความรู้ความสามารถที่ผ่านมาก่อนหน้า หากไม่ชัดเจนหรือมีปริมาณเพียงพอให้เชื่อถือได้ ให้ประเมินสมรรถนะของผู้เข้ารับการประเมินด้วยเครื่องมือประเมินความรู้และทักษะ ให้ครอบคลุมเกณฑ์การปฏิบัติงาน ทักษะและความรู้ที่ต้องการของหน่วยสมรรถนะนี้ ได้แก่

1) แบบทดข้อสอบข้อเขียน

2) แบบทดสอบการสาธิตการปฏิบัติงาน