หน่วยสมรรถนะ

หน่วยสมรรถนะ

จัดการรายการซื้อและจัดเก็บสินค้า

สาขาวิชาชีพการท่องเที่ยว การโรงแรม ภัตตาคารและร้านอาหาร


รายละเอียดหน่วยสมรรถนะ


1. รหัสหน่วยสมรรถนะ THR-QXPO-248A

2. ชื่อหน่วยสมรรถนะ จัดการรายการซื้อและจัดเก็บสินค้า

3. ทบทวนครั้งที่ - / -

4. สร้างใหม่ ปรับปรุง

5. สำหรับชื่ออาชีพและรหัสอาชีพ (Occupational Classification)

5123 (ISCO-88:TH) พนักงานบริการอาหารและเครื่องดื่ม


6. คำอธิบายหน่วยสมรรถนะ (Description of Unit of Competency)

        หน่วยสมรรถนะนี้เป็นหน่วยที่เกี่ยวกับความรู้และทักษะที่จำเป็นในการจัดการรายการซื้อและจัดเก็บสินค้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการระบุความจำเป็นในการควบคุมและการจัดการรายการสินค้า การพัฒนาและดำเนินการจัดซื้อและจัดทำระบบจัดซื้อ การพัฒนาและจัดทำขั้นตอนการรับสินค้า การพัฒนาและจัดทำระบบการจัดเก็บสินค้า การพัฒนาและจัดทำระบบการจ่ายสินค้า การพัฒนาและจัดทำระบบการบริหารจัดการสินค้า


7. สำหรับระดับคุณวุฒิ
1 2 3 4 5 6 7 8

8. กลุ่มอาชีพ (Sector)

สาขาวิชาชีพการท่องเที่ยว การโรงแรม และภัตตาคาร 


9. ชื่ออาชีพและรหัสอาชีพอื่นที่หน่วยสมรรถนะนี้สามารถใช้ได้ (ถ้ามี)

4222 (ISCO-88:TH) พนักงานบริการส่วนหน้าของโรงแรม

5121 (ISCO-88:TH) แม่บ้านในโรงแรม

5122 (ISCO-88:TH) พ่อครัว

7412 (ISCO-88:TH) พ่อครัวขนมปังอบ

 


10. ข้อกำหนดหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง (Licensing or Regulation Related) (ถ้ามี)
N/A

11. สมรรถนะย่อยและเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Elements and Performance Criteria)
หน่วยสมรรถนะย่อย (EOC) เกณฑ์ในการปฏิบัติงาน (Performance Criteria)
2.16.103.01 ระบุความจำเป็นในการควบคุมและจัดการคลังสินค้า

1.1 ระบุความต้องการภายในองค์กรในระบบควบคุมและจัดการคลังสินค้า

1.2 จัดทำรายการสินค้าในคลังที่จะควบคุมโดยระบบควบคุมและจัดการคลังสินค้า

1.3 กำหนดบุคลากรที่ทำหน้าที่ควบคุมและจัดการคลังสินค้า

1.4 บรรยายขั้นตอนในวงจรการควบคุมคลังสินค้า

1.5ระบุและบรรยายถึงบทบาทของงานเอกสารในกระบวนการควบคุมและจัดการคลังสินค้า

1.6 พัฒนาความรู้เกี่ยวกับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าในคลังที่จะต้องนำมาใช้

2.16.103.02 พัฒนาและปฏิบัติการระบบการจัดซื้อและ/หรือจัดหา

2.1 ระบุและแยกความแตกต่างระหว่างคู่ค้าต่าง ๆ ที่มีศักยภาพ

2.2 เลือกคู่ค้าให้เหมาะสมกับความต้องการภายในองค์กร

2.3กำหนดความต้องการในการจัดซื้อและจัดหาเพื่อชี้ทำความต้องการของตลาด

2.4 กำหนดเงื่อนไขในการจัดซื้อที่อาจใช้กับการซื้อสินค้าในคลัง

2.5 ใช้ระบบการสั่งซื้อที่ใช้บริการคู่ค้าที่ระบุไว้

2.16.103.03 พัฒนาและนำกระบวนการรับสินค้าไปใช้

3.1 ตรวจสอบการส่งมอบและคลังสินค้า

3.2 ตรวจสอบสินค้าที่เข้ามา

3.3 คืนหรือตีกลับสินค้านอกรายการ หรือสินค้าที่เสียหาย

3.4 ปฏิเสธสินค้าที่ไม่เหมาะสม

3.5 ทำเอกสารประกอบการส่งมอบให้สมบูรณ์

2.16.103.04 พัฒนาและนำระบบจัดเก็บสินค้าในคลังไปใช้

4.1สร้างสภาพสำหรับการจัดเก็บสินค้าที่เหมาะสมกับสินค้าทั้งหมดทีต้องเก็บในคลังสินค้า

4.2 จัดเก็บสินค้าให้เป็นไปตามเงื่อนไขการจัดเก็บ

4.3 ป้อนข้อมูลสินค้าในคลังไปในระบบคลังสินค้าภายในองค์กร

4.4 เก็บรักษาและป้องกันสินค้าจากความเสียหาย การเสื่อมสภาพและการเข้าถึงอย่างไม่ได้รับอนุญาต

2.16.103.05 พัฒนาและนำระบบการจ่ายสินค้าในคลังไปใช้

5.1 ระบุสินค้าที่จะจ่ายหรือกระจายภายในองค์กร

5.2 จัดทำเอกสารการเบิกจ่ายสินค้าในคลัง

5.3 จัดการการกระจายสินค้าในคลังภายในองค์กร

5.4 ติดตามและบันทึกความเคลื่อนไหวของสินค้าในคลังภายในองค์กร

2.16.103.06 พัฒนาและนำระบบการจัดการคลังสินค้าไปใช้

6.1 สร้างและนำระบบการนับสินค้าในคลังไปใช้

6.2 สร้างและนำระบบการประเมินมูลค่าสินค้าในคลังไปใช้

6.3 สร้างและนำระบบการรายงานสินค้าในคลังไปใช้

6.4 ให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงการทำงานของระบบคลังสินค้าที่มีอยู่


12. ความรู้และทักษะก่อนหน้าที่จำเป็น (Pre-requisite Skill & Knowledge)
N/A

13. ทักษะและความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge)

(ก) ความต้องการด้านทักษะ

  • ความสามารถในการจัดหาแหล่งในการจัดซื้อ
  • ความสามารถในการสั่งซื้อ การจัดเก็บ และการกระจาย
  • ความสามารถในการเขียนข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์
  • ความสามารถในการดำเนินการทดสอบผลผลิต

 

(ข) ความต้องการด้านความรู้

  • ความรู้และความเข้าใจ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่สั่งซื้อ
  • ความรู้เกี่ยวกับปริมาณการสั่งซื้อรายการสินค้า
  • ความรู้เกี่ยวกับการจัดหาและการสั่งซื้อ
  • ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลของผลิตภัณฑ์และผู้จำหน่าย
  • ความรู้เกี่ยวกับนโยบายและวิธีการสั่งซื้อ การชำระเงิน การจัดเก็บ การจัดการสินค้าขององค์กร

14. หลักฐานที่ต้องการ (Evidence Guide)

หลักฐานที่ต้องการจะกำหนดข้อแนะนำเกี่ยวกับการประเมิน และควรที่จะใช้ประกอบร่วมกันกับเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Performance Criteria) และ ทักษะและความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge)

(ก) หลักฐานการปฏิบัติงาน (Performance Evidence)

  • แฟ้มสะสมผลงาน
  • ผลการสัมภาษณ์
  • ผลการสังเกตการณ์ ณ หน้างานจริง 
  • ผลงานหรือชิ้นงานที่ทำสำเร็จแล้ว
  • ผลการประเมินด้วยบุคคลที่ 3
  • ผลการประเมินจากโครงการที่รับผิดชอบ
  • ผลการจำลองสถานการณ์และบทบาทสมมุติ

(ข) หลักฐานความรู้ (Knowledge Evidence)

  • ผลสอบข้อเขียน
  • ผลการสัมภาษณ์
  • ผลการประเมินด้วยบุคคลที่ 3

(ค) คำแนะนำในการประเมิน

    การประเมินควรให้ความสำคัญกับบริบทเฉพาะของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การโรงแรม และภัตตาคาร    

(ง) วิธีการประเมิน

  • ข้อสอบข้อเขียน
  • แฟ้มสะสมผลงาน
  • การสัมภาษณ์
  • การสังเกตการณ์ ณ หน้างานจริง
  • ผลงานหรือชิ้นงานที่ทำสำเร็จแล้ว
  • การประเมินด้วยบุคคลที่ 3
  • การประเมินจากโครงการที่รับผิดชอบ
  • การจำลองสถานการณ์ และบทบาทสมมติ

15. ขอบเขต (Range Statement)

      ขอบเขตอธิบายถึงขอบเขตของการปฏิบัติงาน และสภาพแวดล้อมอื่น ๆ หรือสถานการณ์อื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อการทำงาน รวมถึงเครื่องมือ อุปกรณ์ เทคโนโลยี ทรัพยากรที่ใช้ หรือข้อกำหนดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

(ก) คำแนะนำ

      ไม่มี

(ข) คำอธิบายรายละเอียด

ความต้องการภายในองค์กร อาจเกี่ยวข้องกับ

  • ความปลอดภัยของคลังสินค้า
  • ระดับทางกายภาพของสินค้าคงคลัง
  • มูลค่าทางการเงินของสินค้าคงคลัง
  • ความต้องการในเรื่องระยะเวลาและการลำเลียง
  • ความต่อเนื่องของการจัดหาสินค้า
  • ค่าใช้จ่ายและคุณภาพ
  • ตัวเลือก เช่น ตัวเลือกของสินค้าที่มีคุณภาพและราคาที่แตกต่างกัน
  • การบริการสำรอง
  • ข้อกำหนดในการค้า เช่น งวดชำระเงิน ระยะเวลาในการให้สินเชื่อ อัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย
  • งวดการจัดจำหน่ายของคู่ค้า

สินค้าในคลัง อาจครอบคลุม

  • อาหารและเครื่องดื่ม เช่น อาหารสด แช่แข็ง และสำเร็จรูป เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ และไม่ผสมแอลกอฮอล์
  • ผ้าลินินและเครื่องแบบพนักงาน
  • สิ่งของสำหรับการทำความสะอาด เช่น อุปกรณ์การทำความสะอาด และสารเคมี
  • เครื่องเขียน เช่น เครื่องใช้ในสำนักงาน
  • สินค้าสำหรับขายในร้านค้าภายในองค์กร
  • สื่อส่งเสริมการขาย เช่น แผ่นพับ ใบปลิว หนังสือ ป้าย และรายการสินค้า
  • การจัดวางสินค้าในร้านทั่วไป

บุคลากร ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมคลังสินค้า อาจครอบคลุม

  • เจ้าหน้าที่จัดซื้อ
  • เจ้าหน้าที่ร้านค้า
  • ผู้จัดการและเจ้าของ
  • หัวหน้าแผนก

วงจรการควบคุมคลังสินค้า อาจเกี่ยวข้องกับ

  • การจัดซื้อ
  • การรับสินค้าเข้า
  • การจัดเก็บสินค้า
  • การจ่ายสินค้าออก
  • การผลิต
  • การบริการ
  • การขาย

งานเอกสาร อาจครอบคลุม

  • เอกสารภายใน เช่น คำสั่งซื้อ ใบขอโอนคลังสินค้าภายใน บัญชีแยกประเภท
  • เอกสารภายนอก เช่น ใบแจ้งหนี้ งบดุล ใบบันทึกสินเชื่อ

ความรู้เกี่ยวกับสินค้า อาจครอบคลุม

  • การเยี่ยมคู่ค้าและตลาด
  • การทดสอบและชิมสินค้าประเภทอาหาร
  • การค้นคว้าหาข้อมูลจากผู้ปลูก ผู้ผลิต และคู่ค้า
  • การได้รับตัวอย่างสินค้า
  • การเข้าร่วมกิจกรรมในอุตสาหกรรม การสัมมนา การเปิดตัวสินค้า และการประชุม

เลือกคู่ค้า ควรครอบคลุม

  • ความสามารถในการส่งมอบสินค้าเพื่อตอบสนองอุปทานขององค์กร
  • ความต่อเนื่องในการวางจำหน่ายสินค้า
  • การส่งมอบสินค้าอย่างตรงเวลา และรองรับกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นได้
  • กำหนดการสั่งซื้อในปริมาณสูงสุดและต่ำสุดอย่างชัดเจน
  • รายละเอียดราคาที่มีการแข่งขัน รวมถึงการอ้างอิงปริมาณและส่วนลดอื่น ๆ ข้อเสนอพิเศษส่วนลด และแรงจูงใจ
  • เงื่อนไขทางการเงิน สินเชื่อ และการชำระเงิน
  • การอ้างอิงจากลูกค้ารายอื่น ๆ ที่รับรองความพึงพอใจที่มีต่อคู่ค้า
  • กระบวนการขั้นตอนซื้อขายและเวลาการส่งมอบของคู่ค้า
  • การสั่งซื้อการจัดส่งสินค้าในกรณีฉุกเฉิน นอกเวลาทำการ

ความต้องการในการจัดซื้อและจัดหา อาจครอบคลุม

  • การพัฒนารายละเอียดการจัดซื้อ เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับชื่อสินค้า คำอธิบายสินค้าโดยทั่วไปและโดยละเอียด การระบุการใช้สินค้า ขั้นตอนการจัดเก็บสินค้า การติดฉลาก วิธีการใช้แบบพิเศษ และ/หรือความต้องการสำหรับสินค้า
  • การดำเนินการทดสอบสินค้า
  • การพัฒนากระบวนการประกวดราคาและประมูล หากต้องการ
  • การควบคุมราคาและการทำแผนผังราคา
  • รายละเอียดเกี่ยวกับวงจรสินค้า
  • ความต้องการภายใน เช่น อิทธิพลของฤดูกาลและเหตุการณ์ การอ้างถึงประวัติการค้า และข้อมูลการใช้สินค้า และตัวเลขสถิติในคลังสินค้า
  • การกำหนดการสั่งซื้อที่ประหยัด (Economic Order Quantities)
  • การกำหนดขั้นต่ำสุดและสูงสุดในระดับของสินค้าในคลัง

เงื่อนไขในการจัดซื้อ อาจครอบคลุม

  • การซื้อในตลาดที่แข่งขันหรือตลาดเปิด ซึ่งมีความหลากหลายในตัวสินค้า
  • ข้อผูกมัดที่กำหนดโดยกลุ่มผู้ซื้อ ธุรกิจแฟรนไชส์ และคำสั่งจากสำนักงานใหญ่
  • การซื้อสัญญา การซื้อการประกวดราคาแบบปิดผนึก การซื้อในจุดเดียว การร่วมกันซื้อ การซื้อที่มีการเจรจาต่อรอง
  • การใช้เหตุผลของคู่ค้าเพื่อที่จะลดค่าใช้จ่ายและเวลาที่ต้องใช้ในการตรวจสอบบัญชีและการชำระเงิน
  • การแยกความแตกต่างระหว่างการซื้อส่งและซื้อปลีก
  • การเปรียบเทียบระหว่างการซื้อแบบกระจุกตัว และแบบกระจายออกไป

ใช้ระบบการสั่งซื้อ อาจครอบคลุม

  • การบริการโอนเงินตามคำสั่ง (Standing Orders)
  • การสั่งซื้อออนไลน์
  • คำสั่งการจัดซื้อ
  • การสั่งซื้อทางโทรศัพท์
  • การสั่งซื้อกับพนักงานขาย/ตัวแทนการขาย

ตรวจสอบการส่งมอบ อาจครอบคลุม

  • การตรวจสอบให้แน่ใจว่าสินค้ากำลังมา
  • การตรวจสอบโดยภายนอกว่าสินค้าตรงกับรายการสั่งซื้อ
  • การตรวจสอบโดยภายนอกว่าสินค้าตรงกับเอกสารการจัดส่ง
  • การตรวจสอบรายละเอียดของราคา
  • การตรวจสอบว่าสินค้าตรงกับรายละเอียดที่ต้องการ

ตรวจสอบสินค้าที่เข้ามา อาจครอบคลุม

  • การตรวจสอบชื่อตราสินค้า ขนาดกล่องภาชนะ สี และชนิด
  • การตรวจสอบคุณภาพและปริมาณของสินค้า
  • การตรวจสอบความปลอดภัยของอาหาร เช่น ความปราศจากศัตรูพืช อุณหภูมิที่ถูกต้อง ความสมบูรณ์ของวัสดุห่อสินค้า
  • การตรวจสอบว่าสินค้าไม่ชำรุด
  • การปฏิบัติตามข้อกำหนดในแผน/โครงการความปลอดภัยของอาหารในองค์กร

เอกสารประกอบการส่งมอบ อาจครอบคลุม

  • การลงนามเอกสาร
  • การจัดทำเอกสารสำหรับการคืนและการตีกลับสินค้า
  • การติดตามการลำเลียงสินค้ากับแผนกในองค์กรและคู่ค้า เช่น การตัดสินใจในการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มเพื่อรักษาระดับของสินค้าในคลังไว้

สภาพสำหรับการจัดเก็บสินค้า อาจครอบคลุม

  • สภาพสำหรับการจัดเก็บอาหารสด แช่เย็น แช่แข็ง และอาหารแห้ง
  • สภาพสำหรับการจัดเก็บเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ และที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์
  • สภาพสำหรับการจัดเก็บสินค้าอื่น ๆ เช่น ผ้าลินิน เครื่องแบบ สารเคมี เครื่องเขียน อุปกรณ์ สินค้าสำหรับการขาย และสื่อส่งเสริมการขาย
  • ปฏิบัติตามข้อกำหนดในแผน/โครงการความปลอดภัยของอาหารในองค์กร
  • สภาพและกระบวนการเพื่อการลดขยะ การขโมย และการสูญหาย
  • หลักการหมุนเวียนคลังสินค้า

ป้อนข้อมูลสินค้าในคลัง อาจครอบคลุม

  • การใช้และปรับบัตรสินค้า รายการสินค้าในคลัง และเอกสารการส่งมอบสินค้า ให้เป็นปัจจุบัน
  • การป้อนข้อมูลสินค้าลงในระบบควบคุมคลังสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

เอกสารการเบิกจ่ายสินค้าในคลัง อาจครอบคลุม

  • ใบแจ้งคำร้องเบิกสินค้า
  • ใบโอนสินค้าภายในองค์กร

การกระจายสินค้าในคลังภายในองค์กร อาจครอบคลุม

  • การจัดหาสินค้าแก่แผนกในองค์กร
  • การตรวจสอบว่าสินค้าที่สั่งซื้อตรงกับสินค้าที่ต้องจัดหาภายในองค์กร
  • การตรวจสอบความปลอดภัยของสินค้าที่จัดหา
  • การใช้ระบบจัดเก็บ (Imprest Stock System)

ติดตามและบันทึกความเคลื่อนไหวของสินค้าในคลัง อาจครอบคลุม

  • การจดบันทึกสินค้าในคลังที่จ่ายออกไป
  • การปรับระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นปัจจุบัน
  • การตรวจสอบการป้อนข้อมูลของประเภทสินค้าในคลังและปริมาณให้ถูกต้อง
  • การตรวจสอบบันทึกของแต่ละแผนกที่สินค้าในคลังจัดส่งไป

ระบบการนับสินค้าในคลัง อาจครอบคลุม

  • การนับสินค้าในคลังโดยภายนอก
  • การพัฒนาและจัดทำใบนับสินค้าในคลัง
  • การอบรมพนักงานในการนับสินค้าในคลัง
  • การจัดทำใบนับสินค้าในคลังเพิ่มเติม

ระบบการประเมินมูลค่าสินค้าในคลัง อาจครอบคลุม

  • การพัฒนาตัวเลขที่เกี่ยวกับสินค้าในคลังเพื่อระบุผลประกอบการของคลังสินค้า เช่น การระบุเส้นทางการลำเลียงสินค้าที่เร็วและช้า การสูญเสียสินค้าในคลัง และตัวชี้วัดผลประกอบการ
  • การคำนวณตัวเลขเกี่ยวกับสินค้าในคลังที่มีอยู่
  • การเปรียบเทียบระดับสินค้าในคลังในทางทฤษฎีกับระดับสินค้าในคลังจริง
  • การตรวจสอบความผิดปกติและการเปลี่ยนแปลงของสินค้าในคลัง

ระบบการรายงานสินค้าในคลัง อาจครอบคลุม

  • การเตรียมและผลิตรายงานคลังสินค้าภายในองค์กร เช่น ตัวเลขที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การระบุและอธิบายแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลง
  • การอบรมพนักงานเกี่ยวกับวิธีการจัดการขยะ
  • การแก้ไขระบบและระเบียบปฏิบัติที่มีอยู่เพื่อใช้คลังสินค้าให้เหมาะสมที่สุด

16. หน่วยสมรรถนะร่วม (ถ้ามี)
N/A

17. อุตสาหกรรมร่วม/กลุ่มอาชีพร่วม (ถ้ามี)
N/A

18. รายละเอียดกระบวนการและวิธีการประเมิน (Assessment Description and Procedure)

กระบวนการและวิธีการประเมินให้ดูในคู่มือการประเมิน


ยินดีต้อนรับ