หน่วยสมรรถนะ

หน่วยสมรรถนะ

จัดการรายการซื้อและจัดเก็บสินค้า

สาขาวิชาชีพการท่องเที่ยว การโรงแรม ภัตตาคารและร้านอาหาร


รายละเอียดหน่วยสมรรถนะ


1. รหัสหน่วยสมรรถนะ THR-TVAS-121A

2. ชื่อหน่วยสมรรถนะ จัดการรายการซื้อและจัดเก็บสินค้า

3. ทบทวนครั้งที่ N/A

4. สร้างใหม่ ปรับปรุง

5. สำหรับชื่ออาชีพและรหัสอาชีพ (Occupational Classification)

พนักงานบริการส่วนหน้าในโรงแรม - 4222 (ISCO-88 : TH) หรือ 4224 (ISCO-08 : TH)


6. คำอธิบายหน่วยสมรรถนะ (Description of Unit of Competency)

หน่วยสมรรถนะนี้เป็นหน่วยที่เกี่ยวกับความรู้และทักษะที่จำเป็นในการจัดการรายการซื้อและจัดเก็บสินค้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการระบุความจำเป็นในการควบคุมและการจัดการรายการสินค้า การพัฒนาและดำเนินการจัดซื้อและจัดทำระบบจัดซื้อ การพัฒนาและจัดทำขั้นตอนการรับสินค้า การพัฒนาและจัดทำระบบการจัดเก็บสินค้า การพัฒนาและจัดทำระบบการจ่ายสินค้า รวมถึงการพัฒนาและจัดทำระบบการบริหารจัดการสินค้า


7. สำหรับระดับคุณวุฒิ
1 2 3 4 5 6 7 8

8. กลุ่มอาชีพ (Sector)

กลุ่มสาขาวิชาชีพการท่องเที่ยว การโรงแรม และภัตตาคาร


9. ชื่ออาชีพและรหัสอาชีพอื่นที่หน่วยสมรรถนะนี้สามารถใช้ได้ (ถ้ามี)

แม่บ้านในโรงแรม - 5121 (ISCO-88 : TH) หรือ 5151 (ISCO-08 : TH)
พ่อครัว - 5122 (ISCO-88 : TH) หรือ 3434 (ISCO-08 : TH)
พ่อครัวขนมปังอบ - 7412 (ISCO-88 : TH)
พนักงานบริการอาหารและเครื่องดื่ม - 5123 (ISCO-88 : TH) หรือ 5131 (ISCO-08 : TH)
 


10. ข้อกำหนดหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง (Licensing or Regulation Related) (ถ้ามี)
N/A

11. สมรรถนะย่อยและเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Elements and Performance Criteria)
หน่วยสมรรถนะย่อย (EOC) เกณฑ์ในการปฏิบัติงาน (Performance Criteria)
1.06.103.1 ระบุความจำเป็นในการควบคุมและการจัดการรายการสินค้า

1.1 ระบุความต้องการภายในแผนกเพื่อเป็นการการควบคุมสินค้าและควบคุมระบบการจัดการ

1.2 จัดทำรายการสินค้าคงคลังที่ถูกควบคุมด้วยระบบการจัดการที่มีอยู่

1.3 กำหนดบุคลากรที่ทำหน้าที่จัดการและควบคุมสินค้า

1.4 อธิบายขั้นตอนในการควบคุมสต็อก

1.5ระบุและอธิบายถึงความสำคัญของเอกสารในการควบคุมสต็อกรวมถึงกระบวนการการจัดการ

1.6 พัฒนาความรู้ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และสต็อกที่จะถูกนำมาใช้

1.06.103.2 พัฒนาและดำเนินการจัดซื้อและจัดทำระบบจัดซื้อ

2.1 เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างผู้ผลิตที่มีศักยภาพ

2.2 เลือกผู้ผลิตให้เหมาะสมกับความต้องการ

2.3 ตรวจสอบการจัดซื้อจัดหาว่าตรงกับความต้องการหรือไม่

2.4 กำหนดเงื่อนไขของการซื้อที่อาจจะต้องสัมพันธ์กับสต๊อคที่มีอยู่

2.5 ใช้ระบบการสั่งซื้อโดยระบุผู้ผลิต

1.06.103.3 พัฒนาและจัดทำขั้นตอนการรับสินค้า

3.1 การตรวจสอบการส่งมอบและสินค้าคงคลัง

3.2 ตรวจสอบสินค้าที่เข้ามา

3.3 คืนหรือตีกลับสินค้านอกรายการ หรือสินค้าเสียหาย

3.4 ปฏิเสธสินค้าที่ไม่เหมาะสม

3.5 ตรวจสอบเอกสารการส่งมอบที่สมบูรณ์

1.06.103.4 พัฒนาและจัดทำระบบการจัดเก็บสินค้า

4.1กำหนดสถานที่เก็บรักษาที่เหมาะสมสำหรับสินค้าทั้งหมดที่จะต้องมีเก็บไว้

4.2 จัดเก็บสินค้าให้เป็นไปตามเงื่อนไขการจัดเก็บ

4.3 ป้อนข้อมูลเข้าไปในระบบสินค้า และสินค้าคงคลัง

4.4 เก็บรักษาและป้องกันสินค้าจากความเสียหาย,เสื่อมสภาพ และทำการเบิกจ่ายภายใต้การได้รับอนุญาต

1.06.103.5 พัฒนาและจัดทำระบบการจ่ายสินค้า

5.1 ระบุวัน เวลา สถานที่ในการจ่ายสินค้า

5.2 จัดทำเอกสารการเบิกจ่าย

5.3 จัดการกับการกระจายสินค้าภายในองค์กร

5.4 ติดตามและบันทึกการเปลี่ยนแปลงปริมาณของสินค้าภายในองค์กร

1.06.103.6 พัฒนาและจัดทำระบบการบริหารจัดการสินค้า

6.1 สร้างระบบจ่ายสินค้าและนำไปใช้

6.2 สร้างระบบการประเมินมูลค่าสินค้าและนำไปใช้

6.3 สร้างระบบรายงานสต็อกและนำไปใช้

6.4 ให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงการทำงานของระบบสินค้าที่มีอยู่


12. ความรู้และทักษะก่อนหน้าที่จำเป็น (Pre-requisite Skill & Knowledge)
N/A

13. ทักษะและความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge)

(ก) ความต้องการด้านทักษะ

-    ความสามารถในการจัดหาแหล่งในการจัดซื้อ
-    ความสามารถในการสั่งซื้อ การจัดเก็บ และการกระจาย
-    ความสามารถในการเขียนข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์
-    ความสามารถในการดำเนินการทดสอบผลผลิต
 

(ข) ความต้องการด้านความรู้

-    ความรู้และความเข้าใจ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่สั่งซื้อ
-    ความรู้เกี่ยวกับปริมาณการสั่งซื้อรายการสินค้า
-    ความรู้เกี่ยวกับการจัดหาและการสั่งซื้อ
-    ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลของผลิตภัณฑ์และผู้จำหน่าย
-    ความรู้เกี่ยวกับนโยบายและวิธีการสั่งซื้อ การชำระเงิน การจัดเก็บ การจัดการสินค้าขององค์กร
 


14. หลักฐานที่ต้องการ (Evidence Guide)

หลักฐานที่ต้องการจะกำหนดข้อแนะนำเกี่ยวกับการประเมิน และควรที่จะใช้ประกอบร่วมกันกับเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Performance Criteria) และ ทักษะและความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge)
(ก) หลักฐานการปฏิบัติงาน (Performance Evidence)
-    แฟ้มสะสมผลงาน 
-    ผลการสัมภาษณ์
-    ผลการสังเกตการณ์ ณ หน้างานจริง  
-    ผลงานหรือชิ้นงานที่ทำสำเร็จแล้ว
-    ผลการประเมินด้วยบุคคลที่ 3 
-    ผลการประเมินจากโครงการที่รับผิดชอบ
-    ผลการจำลองสถานการณ์และบทบาทสมมุติ

(ข) หลักฐานความรู้ (Knowledge Evidence)
-    ผลสอบข้อเขียน
-    ผลการสัมภาษณ์
-    ผลการประเมินด้วยบุคคลที่ 3 

(ค) คำแนะนำในการประเมิน
การประเมินควรให้ความสำคัญกับบริบทเฉพาะของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การโรงแรม และภัตตาคาร

(ง) วิธีการประเมิน
-     ข้อสอบข้อเขียน 
-     แฟ้มสะสมผลงาน 
-     การสัมภาษณ์ 
-     การสังเกตการณ์ ณ หน้างานจริง 
-     ผลงานหรือชิ้นงานที่ทำสำเร็จแล้ว 
-     การประเมินด้วยบุคคลที่ 3 
-     การประเมินจากโครงการที่รับผิดชอบ
-     การจำลองสถานการณ์ และบทบาทสมมติ
 


15. ขอบเขต (Range Statement)

ขอบเขตอธิบายถึงขอบเขตของการปฏิบัติงาน และสภาพแวดล้อมอื่น ๆ หรือสถานการณ์อื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อการทำงาน รวมถึงเครื่องมือ อุปกรณ์ เทคโนโลยี ทรัพยากรที่ใช้ หรือข้อกำหนดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
(ก) คำแนะนำ 
ไม่มี

(ข) คำอธิบายรายละเอียด
ความต้องการภายในองค์กร อาจเกี่ยวข้องกับ
    ความปลอดภัยของคลังสินค้า
    ระดับทางกายภาพของสินค้าคงคลัง
    มูลค่าทางการเงินของสินค้าคงคลัง
    ความต้องการในเรื่องระยะเวลาและการลำเลียง
    ความต่อเนื่องของการจัดหาสินค้า
    ค่าใช้จ่ายและคุณภาพ
    ตัวเลือก เช่น ตัวเลือกของสินค้าที่มีคุณภาพและราคาที่แตกต่างกัน
    การบริการสำรอง
    ข้อกำหนดในการค้า เช่น งวดชำระเงิน ระยะเวลาในการให้สินเชื่อ อัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย
    งวดการจัดจำหน่ายของคู่ค้า

สินค้าในคลัง อาจครอบคลุมถึง
    อาหารและเครื่องดื่ม เช่น อาหารสด แช่แข็ง และสำเร็จรูป เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ และไม่ผสมแอลกอฮอล์
    ผ้าลินินและเครื่องแบบพนักงาน
    สิ่งของสำหรับการทำความสะอาด เช่น อุปกรณ์การทำความสะอาด และสารเคมี
    เครื่องเขียน เช่น เครื่องใช้ในสำนักงาน
    สินค้าสำหรับขายในร้านค้าภายในองค์กร
    สื่อส่งเสริมการขาย เช่น แผ่นพับ ใบปลิว หนังสือ ป้าย และรายการสินค้า
    การจัดวางสินค้าในร้านทั่วไป

บุคลากร ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมคลังสินค้า อาจครอบคลุมถึง
    เจ้าหน้าที่จัดซื้อ
    เจ้าหน้าที่ร้านค้า
    ผู้จัดการและเจ้าของ
    หัวหน้าแผนก

วงจรการควบคุมคลังสินค้า อาจเกี่ยวข้องกับ
    การจัดซื้อ
    การรับสินค้าเข้า
    การจัดเก็บสินค้า
    การจ่ายสินค้าออก
    การผลิต
    การบริการ
    การขาย

งานเอกสาร อาจครอบคลุมถึง
    เอกสารภายใน เช่น คำสั่งซื้อ ใบขอโอนคลังสินค้าภายใน บัญชีแยกประเภท
    เอกสารภายนอก เช่น ใบแจ้งหนี้ งบดุล ใบบันทึกสินเชื่อ

ความรู้เกี่ยวกับสินค้า อาจครอบคลุมถึง
    การเยี่ยมคู่ค้าและตลาด
    การทดสอบและชิมสินค้าประเภทอาหาร
    การค้นคว้าหาข้อมูลจากผู้ปลูก ผู้ผลิต และคู่ค้า
    การได้รับตัวอย่างสินค้า
    การเข้าร่วมกิจกรรมในอุตสาหกรรม การสัมมนา การเปิดตัวสินค้า และการประชุม

เลือกคู่ค้า ควรครอบคลุมถึง
    ความสามารถในการส่งมอบสินค้าเพื่อตอบสนองอุปทานขององค์กร
    ความต่อเนื่องในการวางจำหน่ายสินค้า
    การส่งมอบสินค้าอย่างตรงเวลา และรองรับกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นได้
    กำหนดการสั่งซื้อในปริมาณสูงสุดและต่ำสุดอย่างชัดเจน
    รายละเอียดราคาที่มีการแข่งขัน รวมถึงการอ้างอิงปริมาณและส่วนลดอื่น ๆ ข้อเสนอพิเศษส่วนลด และแรงจูงใจ
    เงื่อนไขทางการเงิน สินเชื่อ และการชำระเงิน
    การอ้างอิงจากลูกค้ารายอื่น ๆ ที่รับรองความพึงพอใจที่มีต่อคู่ค้า
    กระบวนการขั้นตอนซื้อขายและเวลาการส่งมอบของคู่ค้า
    การสั่งซื้อการจัดส่งสินค้าในกรณีฉุกเฉิน นอกเวลาทำการ

ความต้องการในการจัดซื้อและจัดหา อาจครอบคลุมถึง
    การพัฒนารายละเอียดการจัดซื้อ เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับชื่อสินค้า คำอธิบายสินค้าโดยทั่วไปและโดยละเอียด การระบุการใช้สินค้า ขั้นตอนการจัดเก็บสินค้า การติดฉลาก วิธีการใช้แบบพิเศษ และ/หรือ ความต้องการสำหรับสินค้า 
    การดำเนินการทดสอบสินค้า
    การพัฒนากระบวนการประกวดราคาและประมูล หากต้องการ
    การควบคุมราคาและการทำแผนผังราคา
    รายละเอียดเกี่ยวกับวงจรสินค้า
    ความต้องการภายใน เช่น อิทธิพลของฤดูกาลและเหตุการณ์ การอ้างถึงประวัติการค้า และข้อมูลการใช้สินค้า และตัวเลขสถิติในคลังสินค้า
    การกำหนดการสั่งซื้อที่ประหยัด (Economic Order Quantities)
    การกำหนดขั้นต่ำสุดและสูงสุดในระดับของสินค้าในคลัง

เงื่อนไขในการจัดซื้อ อาจครอบคลุมถึง
    การซื้อในตลาดที่แข่งขันหรือตลาดเปิด ซึ่งมีความหลากหลายในตัวสินค้า
    ข้อผูกมัดที่กำหนดโดยกลุ่มผู้ซื้อ ธุรกิจแฟรนไชส์ และคำสั่งจากสำนักงานใหญ่
    การซื้อสัญญา การซื้อการประกวดราคาแบบปิดผนึก การซื้อในจุดเดียว การร่วมกันซื้อ การซื้อที่มีการเจรจาต่อรอง
    การใช้เหตุผลของคู่ค้าเพื่อที่จะลดค่าใช้จ่ายและเวลาที่ต้องใช้ในการตรวจสอบบัญชีและการชำระเงิน
    การแยกความแตกต่างระหว่างการซื้อส่งและซื้อปลีก
    การเปรียบเทียบระหว่างการซื้อแบบกระจุกตัว และแบบกระจายออกไป

ใช้ระบบการสั่งซื้อ อาจครอบคลุมถึง
    การบริการโอนเงินตามคำสั่ง (Standing Orders)
    การสั่งซื้อออนไลน์
    คำสั่งการจัดซื้อ
    การสั่งซื้อทางโทรศัพท์
    การสั่งซื้อกับพนักงานขาย/ตัวแทนการขาย

ตรวจสอบการส่งมอบ อาจครอบคลุมถึง
    การตรวจสอบให้แน่ใจว่าสินค้ากำลังมา
    การตรวจสอบโดยภายนอกว่าสินค้าตรงกับรายการสั่งซื้อ
    การตรวจสอบโดยภายนอกว่าสินค้าตรงกับเอกสารการจัดส่ง
    การตรวจสอบรายละเอียดของราคา
    การตรวจสอบว่าสินค้าตรงกับรายละเอียดที่ต้องการ
ตรวจสอบสินค้าที่เข้ามา อาจครอบคลุมถึง
    การตรวจสอบชื่อตราสินค้า ขนาดกล่องภาชนะ สี และชนิด
    การตรวจสอบคุณภาพและปริมาณของสินค้า
    การตรวจสอบความปลอดภัยของอาหาร เช่น ความปราศจากศัตรูพืช อุณหภูมิที่ถูกต้อง ความสมบูรณ์ของวัสดุห่อสินค้า
    การตรวจสอบว่าสินค้าไม่ชำรุด
    การปฏิบัติตามข้อกำหนดในแผน/โครงการความปลอดภัยของอาหารในองค์กร

เอกสารประกอบการส่งมอบ อาจครอบคลุมถึง
    การลงนามเอกสาร
    การจัดทำเอกสารสำหรับการคืนและการตีกลับสินค้า
    การติดตามการลำเลียงสินค้ากับแผนกในองค์กรและคู่ค้า เช่น การตัดสินใจในการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มเพื่อรักษาระดับของสินค้าในคลังไว้

สภาพสำหรับการจัดเก็บสินค้า อาจครอบคลุมถึง
    สภาพสำหรับการจัดเก็บอาหารสด แช่เย็น แช่แข็ง และอาหารแห้ง
    สภาพสำหรับการจัดเก็บเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ และที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์
    สภาพสำหรับการจัดเก็บสินค้าอื่น ๆ เช่น ผ้าลินิน เครื่องแบบ สารเคมี เครื่องเขียน อุปกรณ์ สินค้าสำหรับการขาย และสื่อส่งเสริมการขาย
    ปฏิบัติตามข้อกำหนดในแผน/โครงการความปลอดภัยของอาหารในองค์กร
    สภาพและกระบวนการเพื่อการลดขยะ การขโมย และการสูญหาย
    หลักการหมุนเวียนคลังสินค้า

ป้อนข้อมูลสินค้าในคลัง อาจครอบคลุมถึง
    การใช้และปรับบัตรสินค้า รายการสินค้าในคลัง และเอกสารการส่งมอบสินค้า ให้เป็นปัจจุบัน
    การป้อนข้อมูลสินค้าลงในระบบควบคุมคลังสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

เอกสารการเบิกจ่ายสินค้าในคลัง อาจครอบคลุมถึง
    ใบแจ้งคำร้องเบิกสินค้า
    ใบโอนสินค้าภายในองค์กร

การกระจายสินค้าในคลังภายในองค์กร อาจครอบคลุมถึง
    การจัดหาสินค้าแก่แผนกในองค์กร
    การตรวจสอบว่าสินค้าที่สั่งซื้อตรงกับสินค้าที่ต้องจัดหาภายในองค์กร
    การตรวจสอบความปลอดภัยของสินค้าที่จัดหา
    การใช้ระบบจัดเก็บ (Imprest Stock System) 

ติดตามและบันทึกความเคลื่อนไหวของสินค้าในคลัง อาจครอบคลุมถึง
    การจดบันทึกสินค้าในคลังที่จ่ายออกไป
    การปรับระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นปัจจุบัน
    การตรวจสอบการป้อนข้อมูลของประเภทสินค้าในคลังและปริมาณให้ถูกต้อง
    การตรวจสอบบันทึกของแต่ละแผนกที่สินค้าในคลังจัดส่งไป

ระบบการนับสินค้าในคลัง อาจครอบคลุมถึง
    การนับสินค้าในคลังโดยภายนอก
    การพัฒนาและจัดทำใบนับสินค้าในคลัง
    การอบรมพนักงานในการนับสินค้าในคลัง
    การจัดทำใบนับสินค้าในคลังเพิ่มเติม

ระบบการประเมินมูลค่าสินค้าในคลัง อาจครอบคลุมถึง
    การพัฒนาตัวเลขที่เกี่ยวกับสินค้าในคลังเพื่อระบุผลประกอบการของคลังสินค้า เช่น การระบุเส้นทางการลำเลียงสินค้าที่เร็วและช้า การสูญเสียสินค้าในคลัง และตัวชี้วัดผลประกอบการ
    การคำนวณตัวเลขเกี่ยวกับสินค้าในคลังที่มีอยู่
    การเปรียบเทียบระดับสินค้าในคลังในทางทฤษฎีกับระดับสินค้าในคลังจริง
    การตรวจสอบความผิดปกติและการเปลี่ยนแปลงของสินค้าในคลัง

ระบบการรายงานสินค้าในคลัง อาจครอบคลุมถึง
    การเตรียมและผลิตรายงานคลังสินค้าภายในองค์กร เช่น ตัวเลขที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การระบุและอธิบายแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลง
    การอบรมพนักงานเกี่ยวกับวิธีการจัดการขยะ
    การแก้ไขระบบและระเบียบปฏิบัติที่มีอยู่เพื่อใช้คลังสินค้าให้เหมาะสมที่สุด
 


16. หน่วยสมรรถนะร่วม (ถ้ามี)
N/A

17. อุตสาหกรรมร่วม/กลุ่มอาชีพร่วม (ถ้ามี)
N/A

18. รายละเอียดกระบวนการและวิธีการประเมิน (Assessment Description and Procedure)

กระบวนการและวิธีการประเมินให้ดูในคู่มือการประเมิน


ยินดีต้อนรับ