หน่วยสมรรถนะ

หน่วยสมรรถนะ

รักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารที่ทำงานและทรัพย์สิน

สาขาวิชาชีพการท่องเที่ยว การโรงแรม ภัตตาคารและร้านอาหาร


รายละเอียดหน่วยสมรรถนะ


1. รหัสหน่วยสมรรถนะ THR-XHTE-095A

2. ชื่อหน่วยสมรรถนะ รักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารที่ทำงานและทรัพย์สิน

3. ทบทวนครั้งที่ N/A

4. สร้างใหม่ ปรับปรุง

5. สำหรับชื่ออาชีพและรหัสอาชีพ (Occupational Classification)

พนักงานบริการส่วนหน้าในโรงแรม - 4222 (ISCO-88 : TH) หรือ 4224 (ISCO-08 : TH)


6. คำอธิบายหน่วยสมรรถนะ (Description of Unit of Competency)

หน่วยสมรรถนะนี้เป็นหน่วยที่เกี่ยวกับความรู้และทักษะที่จำเป็นในการรักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารที่ทำงานและทรัพย์สิน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตรวจลาดตระเวนสถานที่ การรับมือกับอัคคีภัยและการเตือนภัยอื่น ๆ การรับมือกับภัยคุกคามด้านความปลอดภัย การรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน การดูแล/เฝ้าสังเกตระบบรักษาความปลอดภัย การจัดการการใช้พลุหรือดอกไม้ไฟ และการดำเนินงานธุรการของการรักษาความปลอดภัย


7. สำหรับระดับคุณวุฒิ
1 2 3 4 5 6 7 8

8. กลุ่มอาชีพ (Sector)

กลุ่มสาขาวิชาชีพการท่องเที่ยว การโรงแรม และภัตตาคาร


9. ชื่ออาชีพและรหัสอาชีพอื่นที่หน่วยสมรรถนะนี้สามารถใช้ได้ (ถ้ามี)

แม่บ้านในโรงแรม - 5121 (ISCO-88 : TH) หรือ 5151 (ISCO-08 : TH)


10. ข้อกำหนดหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง (Licensing or Regulation Related) (ถ้ามี)
N/A

11. สมรรถนะย่อยและเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Elements and Performance Criteria)
หน่วยสมรรถนะย่อย (EOC) เกณฑ์ในการปฏิบัติงาน (Performance Criteria)
1.04.140.1 ตรวจลาดตระเวนสถานที่

1.1 จัดเตรียมการลาดตระเวนสถานที่

1.2 ดำเนินการลาดตระเวนสถานที่และพื้นที่ที่กำหนด

1.3 ติดตามประเมินความปลอดภัยของสถานที่และทรัพย์สิน

1.4 บ่งชี้ภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นความเสี่ยงและสถานการณ์ที่น่าสงสัย

1.04.140.2 รับมือกับอัคคีภัยและการเตือนภัยอื่น ๆ

2.1 กำหนดสภาพและพื้นที่ติดตั้งอุปกรณ์เตือนภัย

2.2 ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานให้บริการฉุกเฉิน

2.3 ติดต่อประสานงานผู้บริหารอย่างเหมาะสม

2.4 ให้ความช่วยเหลือหน่วยงานให้บริการฉุกเฉินในการเข้าถึงพื้นที่และการอำนวยความสะดวกอื่นๆ

2.5 ให้การช่วยเหลือเบื้องต้น

2.6 กำหนดระดับการเตือนภัยให้สอดคล้องกับหน่วยงานกำกับดูแล/ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

1.04.140.3 รับมือกับภัยคุกคามด้านความปลอดภัย

3.1 จัดหน่วยลาดตระเวนเพื่อติดตาม/บ่งชี้พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

3.2 ปิดกั้นพื้นที่เสี่ยง

3.3 รับมือกับสิ่งของต้องสงสัย

3.4 รับมือกับคำขู่วางระเบิด

1.04.140.4 รับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน

4.1 กำหนดลักษณะและขอบเขตของสถานการณ์ฉุกเฉิน

4.2 ติดต่อประสานงานหน่วยงานให้บริการฉุกเฉิน

4.3 นำแผนรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินไปใช้ปฏิบัติ

4.4 ให้การช่วยเหลือเบื้องต้น

4.5 รักษาความปลอดภัยสูงสุดให้กับพื้นที่และทรัพย์สินในระหว่างสถานการณ์ฉุกเฉิน

1.04.140.5 ดูแล/เฝ้าสังเกตระบบรักษาความปลอดภัย

5.1 รายงานและจดบันทึกในกรณีที่ระบบเตือนภัยมีการแจ้งเตือนและกรณีที่ระบบเตือนภัยทำงานผิดพลาด

5.2 ตรวจสอบสภาพ การตั้งค่า และประสิทธิภาพของระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ รวมถึงระบบการบริหารจัดการพลังงาน

5.3 จัดเก็บหรือบันทึกกิจกรรมต่าง ๆ ตามข้อกำหนด

5.4 ดำเนินกิจกรรมติดตามผลที่จำเป็น

5.5 กำหนดระดับการเตือนภัยให้สอดคล้องกับหน่วยงานกำกับดูแล/ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

1.04.140.6 จัดการการใช้พลุหรือดอกไม้ไฟ

6.1 ระบุข้อกำหนดทางกฎหมายเกี่ยวกับการใช้พลุหรือดอกไม้ไฟ

6.2 จัดเตรียมและติดตามมาตรการควบคุมความเสี่ยง

6.3 ระบุและจัดทำแผนการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินและการจัดการความผิดปกติหรือข้อบกพร่อง

6.4 จัดให้มีการฝึกอบรมเกี่ยวกับวิธีการใช้พลุหรือดอกไม้ไฟตามความเหมาะสม

1.04.140.7 ดำเนินงานธุรการของการรักษาความปลอดภัย

7.1 จัดทำแบบฟอร์มเอกสารและรายงานภายในองค์กรที่จำเป็น

7.2 ประสานงานกับฝ่ายบริหารในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปรับปรุงการรักษาความปลอดภัย


12. ความรู้และทักษะก่อนหน้าที่จำเป็น (Pre-requisite Skill & Knowledge)
N/A

13. ทักษะและความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge)

(ก) ความต้องการด้านทักษะ

            -    ทักษะในการใช้เทคนิค วิธีการมาตรฐานด้านความปลอดภัย รวมถึงการใช้อุปกรณ์และเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับระบบรักษาความปลอดภัย การตั้งค่าและการใช้งานระบบเตือนภัย
-    ทักษะในการระแวดระวัง ควบคุม ตรวจตราและสอดส่องดูแลความปลอดภัย
-    ทักษะในการใช้อุปกรณ์ดับเพลิง
-    ทักษะการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และรูปแบบในการสื่อสาร รวมถึงเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการทำงานด้านการรักษาความปลอดภัย
-    ทักษะในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ฉุกเฉิน
-    ทักษะในการประเมินความเสี่ยงและภัยคุกคามในสถานที่ทำงาน 
 

(ข) ความต้องการด้านความรู้

-    ความรู้เกี่ยวกับนโยบายและระเบียบวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัยของอาคารที่ทำงานและทรัพย์สิน รวมถึงข้อกำหนดด้านการรายงานที่ประยุกต์ใช้หลักการด้านความมั่นคงปลอดภัยของสถานที่ทำการและการบริหารความเสี่ยง
-    ความรู้เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินและอาคารสถานที่ รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยง
-    ความรู้เกี่ยวกับข้อกำหนดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ที่ต้องดูแลและใช้ความระมัดระวัง 
-    ความรู้เกี่ยวกับหลักการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง 
 


14. หลักฐานที่ต้องการ (Evidence Guide)

หลักฐานที่ต้องการจะกำหนดข้อแนะนำเกี่ยวกับการประเมิน และควรที่จะใช้ประกอบร่วมกันกับเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Performance Criteria) และ ทักษะและความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge)
(ก)    หลักฐานการปฏิบัติงาน (Performance Evidence)
-    แฟ้มสะสมผลงาน 
-    ผลการสัมภาษณ์
-    ผลการสังเกตการณ์ ณ หน้างานจริง  
-    ผลการสาธิตการปฏิบัติงาน
-    ผลการประเมินด้วยบุคคลที่ 3 
-    ผลการจำลองสถานการณ์และบทบาทสมมุติ

(ข)    หลักฐานความรู้ (Knowledge Evidence)
-    ผลการสอบข้อเขียน
-    ผลการสัมภาษณ์
-    ผลการประเมินด้วยบุคคลที่ 3

(ค)    คำแนะนำในการประเมิน
การประเมินควรให้ความสำคัญกับบริบทเฉพาะของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การโรงแรม และภัตตาคาร 

(ง)    วิธีการประเมิน
-    ข้อสอบข้อเขียน
-    แฟ้มสะสมผลงาน
-    การสัมภาษณ์
-    การสังเกตการณ์ ณ หน้างานจริง  
-    การสาธิตการปฏิบัติงาน
-    การประเมินด้วยบุคคลที่ 3 
-    การจำลองสถานการณ์และบทบาทสมมุติ


15. ขอบเขต (Range Statement)

ขอบเขตอธิบายถึงขอบเขตของการปฏิบัติงาน และสภาพแวดล้อมอื่น ๆ หรือสถานการณ์อื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อการทำงาน รวมถึงเครื่องมือ อุปกรณ์ เทคโนโลยี ทรัพยากรที่ใช้ หรือข้อกำหนดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
(ก) คำแนะนำ 
ไม่มี

(ข) คำอธิบายรายละเอียด
การรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานที่ อาจหมายรวมถึง 
    การกำหนดพื้นที่รักษาความปลอดภัยตามความเหมาะสม กำหนดขอบเขตที่แน่ชัดว่าพื้นที่ใดเป็นพื้นที่ควบคุมหรือพื้นที่หวงห้าม เพื่อควบคุมการเข้า-ออกของบุคคลและยานพาหนะ
    วางระบบป้องกันทางวัตถุเพื่อเป็นเครื่องหน่วงเหนี่ยว กีดขวาง ป้องกันบุคคลหรือยานพาหนะที่ไม่มีสิทธิ์เข้าไปในพื้นที่ เช่น รั้ว เครื่องกีดขวาง ช่องทางเข้า-ออก รวมถึงระบบการให้แสงสว่างในยามวิกาล
    การควบคุมบุคคลและยานพาหนะ เพื่อตรวจสอบให้ทราบว่าเป็นบุคคล และ/หรือยานพาหนะที่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าพื้นที่เฉพาะหรือพื้นที่หวงห้าม โดยจัดทำบัตรผ่าน บัตรแสดงตน และบันทึกหลักฐานการผ่านเข้า-ออก ตลอดจนการบันทึกสิ่งของต่าง ๆ บนยานพาหนะ
    ระบบรักษาการณ์ จัดให้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำวัน วางระบบการติดต่อสื่อสารและสัญญาณแจ้งภัยสำหรับตรวจและเตือนให้ทราบเมื่อมีภัย รวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์เสริมมาตรการการรักษาความปลอดภัยโดยใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์หรืออื่น ๆ เพื่อให้การรักษาความปลอดภัยมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
    ระบบป้องกันและระงับอัคคีภัย ซึ่งประกอบด้วย ส่วนของระบบป้องกันอัคคีภัย หมายถึง อุปกรณ์ที่ป้องกันการเกิดอัคคีภัยหรืออุปกรณ์แจ้งเหตุ เช่น อุปกรณ์ตรวจจับควัน อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน อุปกรณ์แจ้งเหตุแบบแมนนวล อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยแสง และอุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยเสียง เป็นต้น ส่วนอุปกรณ์ระบบระงับอัคคีภัย หมายถึง อุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมและดับอัคคีภัย เช่น ระบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงแบบอัตโนมัติ สายฉีดน้ำดับเพลิง ถังดับเพลิง และระบบก๊าซดับเพลิง เป็นต้น

การจัดเตรียมการลาดตระเวนสถานที่ อาจเกี่ยวข้องกับ
•     การระบุหน้าที่เกี่ยวกับการลาดตระเวนตรวจตรา เช่น การสังเกตการณ์ งานที่ต้องรับผิดชอบบริเวณที่ต้องมีการลาดตระเวนตรวจตรา การจัดตารางเวลาและคำสั่งที่จะมอบหมาย
•     การดูแลรักษาเครื่องแต่งกายและการปรากฏตัวได้อย่างเหมาะสม
•     การเข้าถึงและตรวจสอบอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เสื้อผ้า และเครื่องมือสื่อสาร
•     การรายงานสิ่งผิดปกติ รวมถึงอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ชำรุดเสียหายหรือทำงานผิดปกติซึ่งมีผลต่อความปลอดภัย
•     การตรวจตราและเตรียมยานพาหนะในการตรวจตราลาดตระเวน

การดำเนินการลาดตระเวนสถานที่และพื้นที่ที่กำหนด อาจครอบคลุมถึง
•     การยึดถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ภายในองค์กร ซึ่งเกี่ยวข้องกับเวลา เส้นทาง และพื้นที่ที่ต้องดำเนินการตรวจตราลาดตระเวน
•     การปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย
•     การแสดงตัวหรือการปรากฏตัวเพื่อขัดขวางผู้บุกรุกหรือผู้กระทำความผิด สร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าและพนักงาน 
•     การใช้เทคนิคปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเพื่อพัฒนา ส่งเสริม และสนับสนุน ความรู้สึกถึงความปลอดภัยในพื้นที่
•    การให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าตามที่ได้รับคำร้องขอ
•     การที่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายต้องสามารถติดต่อทางวิทยุได้ตลอดเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่
•     มีการทดสอบระบบรักษาความปลอดภัย

การติดตามประเมินความปลอดภัยของสถานที่และทรัพย์สิน อาจเกี่ยวข้องกับ
•     การตรวจสอบด้วยสายตาผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์รักษาความปลอดภัยตามตารางเวลาที่กำหนด
•     การตอบสนองต่อสัญญาณเตือนภัย
•     การตรวจสอบด้วยสายตาผ่านทางอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ถูกระบุไว้ เพื่อมองหาสัญญาณความผิดปกติ เช่น การบุกรุกหรือการเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต
•     การติดตามการดำเนินงานเพื่อป้องกันความเสี่ยงหรือสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยตามที่ถูกรายงานก่อนหน้านี้
•     การซ่อมบำรุงเครื่องมืออุปกรณ์ความปลอดภัย
•     การรายงานสถานการณ์ที่อาจจะมีการฝ่าฝืนการรักษาความปลอดภัย
•     การติดตามการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสภาวะแวดล้อมที่ส่งผลต่อการรักษาความปลอดภัย
•     การติดต่อประสานงานกับพนักงานคนอื่น ๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐภายนอกองค์กรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 

ภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้น ความเสี่ยงและสถานการณ์ที่น่าสงสัย อาจครอบคลุมถึง
•     อุทกภัย อัคคีภัย การระเบิด
•     มีผู้บุกรุก ผู้ข่มขู่เพื่อเรียกร้องทรัพย์สิน มีคนที่ทำลายทรัพย์สิน มีผู้บุกโจมตี
•     ลูกค้าที่มึนเมา
•     สถานการณ์ที่มีผู้คนพลุกพล่าน
•     ยานพาหนะ ผู้คนและเครื่องมืออุปกรณ์อยู่ในที่ต้องสงสัย
•     หีบห่อสัมภาระที่ถูกวางทิ้งไว้ในพื้นที่สาธารณะ
•     สิ่งของมีค่าถูกปล่อยทิ้งไว้ในที่สาธารณะ
•     การรั่วไหลของแก๊ส พายุ ไฟฟ้าดับ
•     การประท้วงหรือการปฏิวัติ การจลาจล
•    สารเคมีหก
    อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยได้รับความเสียหาย หรือกระจก/ประตูทางเข้าแตกหักเสียหาย
    บุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้ามายังพื้นที่หวงห้าม
    อุปกรณ์ป้องกัน/ป้ายเตือนภัยได้รับความเสียหาย
    มีสัตว์บุกรุก  

สภาพและพื้นที่ติดตั้งอุปกรณ์เตือนภัย อาจหมายรวมถึง
•    การระบุถึงสาเหตุการเตือนภัย เช่น ไฟ ผู้บุกรุก ควัน น้ำ หรือแก๊ส
•    การระบุตำแหน่งที่ตั้งของสัญญาณเตือนภัยตามแผนก ตามชั้น หรือตามห้องต่าง ๆ 
•    การระบุจำนวนอุปกรณ์ของสัญญาณเตือนภัยที่มีอยู่
    การติดตั้งอุปกรณ์ระบบสัญญาณเตือนภัยในทุกชั้นของอาคาร
    การติดตั้งถังดับเพลิงแบบมือถือตามข้อกำหนดของกฎหมาย และต้องอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นง่ายสะดวกต่อการดูแลรักษา
    ป้ายบอกตำแหน่งชั้นและทางหนีไฟพร้อมไฟฉุกเฉิน และต้องติดตั้งทุกชั้นของอาคาร
    ระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรอง ที่สามารถจ่ายไฟในกรณีฉุกเฉินได้ไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะจุดที่มีเครื่องหมายทางออกฉุกเฉิน บันไดหนีไฟ ทางเดินและระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้
    อุปกรณ์เสริมมาตรการการรักษาความปลอดภัย เช่น ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ซึ่งควรมีผู้รับผิดชอบในการควบคุม เฝ้าดู และตรวจสอบให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ตลอดเวลา

การติดต่อประสานงานกับหน่วยงานให้บริการฉุกเฉิน อาจจะครอบคลุมถึง
•     การติดต่อผ่านทางโทรศัพท์กับพนักงานดับเพลิง ตำรวจ รถพยาบาล 
•     การติดต่อสายตรงกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
•     การติดต่อเพื่อแจ้งผู้บริหาร
•     การแจ้งผู้ให้บริการที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
    วิธีการติดต่อและหมายเลขติดต่อกับสมาชิกของทีมกู้ภัย (รายชื่อของสมาชิกและหมายเลขติดต่อจะต้องได้รับการแก้ไขโดยผู้รับผิดชอบ ทันทีที่มีการเปลี่ยนแปลง) 
    ข้อมูลของส่วนบริการที่เกี่ยวข้อง มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันได้ทันที ดังนั้นควรมีการรวบรวมและจัดทำให้อ่านง่ายพร้อมใช้งานได้ทันที โดยทั่วไปข้อมูลประกอบด้วย ชื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ผู้ที่จะติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือ

การติดต่อประสานงานกับผู้บริหาร อาจครอบคลุมถึง
•     การแจ้งชนิดของสัญญาณเตือนภัยและตำแหน่งที่เกิดเหตุ
•     การใช้ระบบวิทยุสื่อสารที่เหมาะสม เช่น การเรียกขานโดยใช้สัญญาณและรหัสต่าง ๆ 
•     การแจ้งเกี่ยวกับมาตรการที่ถูกนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาหรือตอบสนองต่อสถานการ์ฉุกเฉิน
•     การขอความแนะนำหรือคำสั่งเพื่อการดำเนินการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว

การให้ความช่วยเหลือหน่วยงานให้บริการฉุกเฉินในการเข้าถึงพื้นที่และการอำนวยความสะดวกอื่น ๆ อาจครอบคลุมถึง
•     การมอบหมายงานหรือหน้าที่ความรับผิดชอบให้แก่ผู้อื่นในการพบกับเจ้าหน้าให้บริการฉุกเฉินและนำทางเจ้าหน้าที่ไปยังบริเวณที่เกิดเหตุ
•     การร้องขอให้ลูกค้าช่วยเคลื่อนย้ายยานพาหนะ
•     การเคลื่อนย้ายยานพาหนะขององค์กร
•     การไขประตูและเปิดเครื่องกีดขวางต่าง ๆ
•     การเปิดเส้นทางเพื่อช่วยให้เข้าถึงจุดเกิดเหตุ
•     แผนผังหรือแบบโครงสร้างของสถานที่ที่เกิดเหตุ

การช่วยเหลือเบื้องต้น ซึ่งขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ แต่อาจจะครอบคลุมถึง
•     การดับเพลิง
•     การเคลื่อนย้ายหรืออพยพผู้คนออกจากพื้นที่
•     การคุ้มครองป้องกันทรัพย์สิน
•     การจำกัดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
•    การปิดวาล์ว การปิดประตูและหน้าต่าง 
•     การปิดหรือเปิด ประตู หน้าต่าง เป็นต้น ตามความเหมาะสม
•     การปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่บริการฉุกเฉิน
•     การรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น

พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อาจครอบคลุมถึง
•     ความก้าวร้าว ความหยาบคาย และพฤติกรรมต่อต้านสังคม รวมถึงการโต้เถียงกับลูกค้าคนอื่น ๆ หรือพนักงาน
•     การปฏิเสธที่จะออกจากพื้นที่เมื่อมีการร้องขอ
•     การมึนเมา
•     การข่มขู่ กรรโชก หรือการก่อเหตุโดยใช้ความรุนแรง
•     การด่า การพูดจาหยาบคาย หรือการสาบแช่ง
•     การแต่งกายที่ไม่เหมาะสม
•     การมีแขกหรือผู้มาเยือนมากเกินกว่าความจุของห้อง
•     ลูกค้าส่งเสียงดังรบกวน


การปิดกั้นพื้นที่เสี่ยง อาจครอบคลุมถึง
•     การปิดหรือใส่กุญแจประตู การปิดหรือใส่กุญแจห้อง การปิดหรือใส่กุญแจหน้าต่าง การปิดหรือใส่กุญแจลิ้นชัก การปิดหรือใส่กุญแจตู้ เป็นต้น
•     การสร้างด่านหรือสิ่งกีดขวาง

การรับมือกับสิ่งของต้องสงสัย อาจรวมถึง
•     การอพยพออกจากพื้นที่
•     การแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานกำกับดูแลหรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
•     การสอบถามหรือการไต่สวนจากลูกค้า
•     การปล่อยให้สิ่งของต้องสงสัยอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะมีคำแนะนำให้เคลื่อนย้าย 

การรับมือกับคำขู่วางระเบิด อาจรวมถึง
•     การปฏิบัติต่อคำขู่วางระเบิดโดยยึดหลักว่าทุกคำขู่เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นจริง
•     การบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับคำขู่ ระเบิด และผู้โทรให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
•     การตั้งคำถามต่อผู้ที่โทรเข้ามาข่มขู่โดยใช้คำถามตามรายการตรวจสอบ
•     การแจ้งให้หน่วยงานกำกับดูแลหรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และพนักงานได้รับทราบ
•    การรักษาความสงบ พยายามควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบ
•     การอพยพออกจากอาคารหรือพื้นที่
•     การให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ตามความต้องการ
•     การค้นหาวัตถุระเบิด
•     การปล่อยให้สิ่งของต้องสงสัยวางอยู่อย่างนั้นและทำการปิดกั้นพื้นที่ จนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาถึง

กำหนดลักษณะและขอบเขตของสถานการณ์ฉุกเฉิน อาจดำเนินการได้โดย
    ทบทวนอุบัติการณ์ที่บันทึกไว้ในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา
    ตรวจสอบสถิติประเภทอุบัติการณ์และเหตุฉุกเฉินที่เคยเกิดขึ้นรวมทั้งพื้นที่ เวลาที่เกิด กะ (Shifts) สภาพการปฏิบัติงาน สภาพอากาศและปัจจัยสำคัญอื่น ๆ (รวมทั้งที่เคยเกิดในอุตสาหกรรมที่ใกล้เคียงกัน)
    ทบทวนประเด็นปัญหาอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่อาจเกิดเป็นเหตุฉุกเฉินได้ภายใต้สภาพการปฏิบัติงานที่ผิดปกติ
    ระดมความคิดจากกลุ่มบุคคลที่ทำงานในพื้นที่ต่าง ๆ ถึงเหตุการณ์ฉุกเฉินและอุบัติการณ์ที่เป็นไปได้
    กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกิจการเฉพาะ ที่กำหนดให้องค์กรต้องจัดทำแผนฉุกเฉินและจัดให้มีการซักซ้อมเพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดสถานการณ์จริง

ลักษณะและขอบเขตของสถานการณ์ฉุกเฉิน อาจครอบคลุมถึง
•     อัคคีภัย
•     การทะเลาะวิวาท การต่อสู้กัน หรือการเผชิญหน้ากัน 
•     ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย
•     การถูกล้อมพื้นที่ไว้
•     การโจรกรรม ปล้นจี้ 
•     การรั่วไหลของแก๊ส
•     การระเบิด
•     การรบกวนหรือก่อกวนลูกค้า
•     สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาเยียวยา เช่น การบาดเจ็บ การลื่นล้ม การล้มป่วย หรือผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกาย/เหยื่อจากการโจมตี
•     การระบุตำแหน่งสถานที่ที่เกิดเหตุ จำนวน/ตัวเลขที่เกี่ยวข้อง และศักยภาพในการยกระดับความรุนแรงหรือเพิ่มความรุนแรงทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลง

ติดต่อประสานงานหน่วยงานให้บริการฉุกเฉิน อาจครอบคลุมถึง
•    การติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงหน่วยงานบริการรักษาความปลอดภัยที่มีการตกลงทำสัญญาไว้กับองค์กร
•     การติดต่อขอความช่วยเหลือทางด้านการแพทย์ รวมถึงรถพยาบาล โรงพยาบาล หรือแพทย์ที่อยู่ประจำการในองค์กร ณ ขณะนั้น
•     การติดต่อเจ้าหน้าดับเพลิง
•     การติดต่อหน่วยงานบริการอื่น ๆ ตามที่กำหนดไว้ในแผนดำเนินการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
•     หากองค์กรเลือกใช้หน่วยงานภายนอกในการกู้ภัยฉุกเฉิน เช่น การจัดการสารเคมีอันตราย หรือห้องปฏิบัติการภายนอก ต้องจัดให้มีสัญญาจ้างไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่จำนวนพนักงานมีจำกัด หรือมีข้อจำกัดด้านทักษะความสามารถและอุปกรณ์การกู้ภ้ย

แผนรับมือในสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นชุดคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อให้พนักงานปฏิบัติตามในกรณีที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นภายในองค์กร โดยในแผนดังกล่าวมีการจัดสรรบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบต่าง ๆ ให้แก่พนักงานเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นมาภายหลังให้น้อยที่สุด

วัตถุประสงค์ของการจัดทำแผนรับมือในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาจครอบคลุมถึง
    เพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ และจำกัดความเสียหายที่จะเกิดต่อชีวิต ทรัพย์สินและสิ่งแวดล้อมให้เกิดน้อยที่สุด
    ช่วยผู้ที่ตกอยู่ในอันตราย รักษาชีวิตผู้ปฏิบัติตามแผน และผู้ที่บาดเจ็บจากเหตุฉุกเฉิน
    เพื่อให้เกิดความร่วมมือกันทุกระดับในองค์กรอย่างเหมาะสม โดยกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งแนวทางการประสานความร่วมมือ
    เพื่อเตรียมความพร้อมในการตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉิน
    เพื่อให้ทุกคนรู้หน้าที่ของตนเองโดยการฝึกซ้อมการปฏิบัติการตามแผนฉุกเฉินและทำให้เกิดความคุ้นเคย
    เพื่อให้เกิดการประสานงานระหว่างหน่วยงานภายใน และหน่วยงานภายนอกในการช่วยเหลือและกู้ภัย
แผนแก้ไขปัญหากรณีเหตุการณ์ฉุกเฉินของหลาย ๆ องค์กร อาจแบ่งได้เป็น 3 ระดับ คือ
    สามารถจัดการได้โดยบุคคลในแผนกนั้น ๆ เอง  (ความรุนแรงระดับที่องค์กรสามารถจัดการได้เอง จึงต้องกำหนดระเบียบปฏิบัติ เกณฑ์วิธีการ เทคนิค ในการจัดการกับเหตุฉุกเฉินแต่ละกรณี เป็นการเฉพาะ เพื่อใช้ในการอบรม เตรียมการ และนำไปใช้เมื่อเกิดเหตุการณ์ได้ทันที) 
    ต้องการความช่วยเหลือจากทีมแก้ไขปัญหากรณีเหตุการณ์ฉุกเฉินในโรงแรมและอาจต้องการอพยพคนออกจากโรงแรม
    ต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานภายนอกอย่างเต็มที่ อาจต้องอพยพคนในพื้นที่ใกล้เคียงหรือทำการป้องกันอันตราย

แผนกู้ภัยฉุกเฉิน (Emergency Response) ควรมุ่งเน้นว่าองค์กรต้องทำอะไรบ้าง ต้องเตรียมอะไรบ้าง ต้องมีวัสดุอุปกรณ์ อาคารสถานที่ ในการป้องกันการเกิดการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วย และลดผลกระทบต่อผู้ซึ่งประสบเหตุฉุกเฉินนั้น โดยขั้นตอนสำหรับการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินควรได้รับการจัดทำและพิจารณาถึงข้อกำหนดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง  ขั้นตอนสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ต้องกระชับและชัดเจนเพื่อใช้ในสถานการณ์ที่ฉุกเฉินได้ และต้องพร้อมเรียกหานำมาใช้งานได้ในยามเกิดเหตุ หากมีการเก็บเอกสารนี้ในคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ ที่อาจเรียกใช้ไม่ได้ในกรณีที่ไฟฟ้าดับ ต้องมีเอกสารชุดสำรองที่พร้อมให้หยิบใช้ในจุดปฏิบัติงาน

การจัดทำแผน ต้องพิจารณาถึง
    ลักษณะและพื้นที่ของสถานประกอบการ
    พื้นที่เสี่ยงภัย เช่น อาคารเก็บวัตถุไวไฟ เชื้อเพลิง เคมีภัณฑ์
    บริเวณโดยรอบ เส้นทางจราจร
    จำนวนพนักงานที่ปฏิบัติงานในแต่ละช่วงเวลา
    ความรู้พื้นฐานด้านการระงับเหตุฉุกเฉินของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ
    ระบบดับเพลิง เครื่องมือและอุปกรณ์ฉุกเฉิน หน้ากาก เครื่องช่วยหายใจ ชุดป้องกันอันตรายจากสารเคมี ชุดผจญเพลิง
    ตำแหน่งห้องสำคัญ ห้องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องสูบน้ำดับเพลิง ห้องควบคุมไฟฟ้าหลัก ห้องเก็บเอกสารสำคัญ
    ระบบติดต่อสื่อสารในภาวะปกติและระบบติดต่อสื่อสารในภาวะฉุกเฉิน
    ทางออกฉุกเฉิน บันไดหนีไฟ
    การทำงานของสัญญาณแจ้งเหตุ ระบบตรวจจับการรั่วไหลของก๊าซ ระบบดับเพลิง ระบบสนับสนุนอื่น ๆ
    จุดที่ตั้งอำนวยการชั่วคราว พื้นที่สำรอง แหล่งน้ำสำรอง

การรักษาความปลอดภัยสูงสุดให้กับพื้นที่และทรัพย์สิน อาจครอบคลุมถึง
•     การให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยในชีวิตมากกว่าความปลอดภัยของทรัพย์สิน
•     การเคลื่อนย้าย อพยพลูกค้าออกจากพื้นที่ รวมถึงการใช้ข้อบังคับต่าง ๆ อย่างมีเหตุมีผล
•     การป้องกันหรือกีดกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ รวมถึงการใช้ข้อบังคับต่าง ๆ อย่างมีเหตุมีผล
•     การจำกัดวงความเสียหายไม่ให้ลุกลามออกไปเท่าที่เป็นไปได้ โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยส่วนบุคคลด้วยเช่นกัน

รายงานและจดบันทึกในกรณีที่ระบบเตือนภัยมีการแจ้งเตือน และกรณีที่ระบบเตือนภัยทำงานผิดพลาด อาจครอบคลุมถึง
•      การบันทึกรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่มีการระบุไว้
•     การอธิบายถึงรายละเอียดของการแจ้งเตือนภัยหรือการทำงานผิดพลาดของระบบสัญญาณเตือนภัย เช่น วันที่ เวลา ระบบไหน ชนิดใด ตำแหน่งที่ตั้งอุปกรณ์ตัวไหน ความถี่ในการเกิด
•     การบันทึกรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสมในสถานการณ์นั้น ๆ

ตรวจสอบสภาพ การตั้งค่า และประสิทธิภาพของระบบ อาจครอบคลุมถึง
•     การตรวจสอบความถูกต้องเกี่ยวกับการตั้งค่าต่าง ๆ ของระบบรักษาความปลอดภัยและระบบสัญญาณเตือนภัยต่าง ๆ
•     การตรวจสอบเพื่อยืนยันว่าระบบต่าง ๆ ยังคงทำงานอยู่ในสภาวะปกติ
•    การตรวจสอบตามกำหนดระยะเวลาที่ระบุไว้
•     การทดสอบระบบภายใน และอาจจะมีการทดสอบไปยังสถานีที่ทำการเฝ้าระวังติดตามทางไกล

การจัดเก็บหรือบันทึกกิจกรรมต่าง ๆ อาจเกี่ยวข้องกับ
•     การจดลงในสมุดบันทึก หลังสิ้นสุดการตรวจสอบ/การทดสอบ/การติดตามเฝ้าระวัง เพื่อไว้เป็นหลักฐานว่าได้มีการดำเนินการติดตามตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว โดยระบุว่า ใครเป็นผู้ดำเนินการ และดำเนินการเมื่อไหร่

การดำเนินกิจกรรมติดตามผล อาจครอบคลุมถึง
•     การเข้าไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสัญญาณเตือนภัยด้วยตนเอง
•     การยกระดับการเตือนภัยภายในองค์กร
•     ทำการตรวจสอบวินิจฉัยระบบสัญญาณเตือนภัย
•     ทำการแยกองค์ประกอบหรือชิ้นส่วนอุปกรณ์ของระบบสัญญาณเตือนภัย
•     การรายงานการเตือนภัย รวมถึงการแจ้งลูกค้า พนักงาน และหน่วยงานภายนอกองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน
•     การปิดระบบ/อุปกรณ์/การบริการ อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 

การใช้พลุหรือดอกไม้ไฟ ถูกควบคุมโดยกฎหมายหรือข้อกฎหมายท้องถิ่น/เทศบัญญัติ ซึ่งจะต้องได้รับเอกสารการอนุญาตให้จัดแสดงงานโดยขออนุญาตจากเขตปกครอง อำเภอ จังหวัดหรือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกครั้ง แม้องค์กรจะใช้บริการจากหน่วยงานภายนอกสำหรับบริการการจุดพลุหรือดอกไม้ไฟ แต่องค์กรยังจำเป็นต้องดำเนินการฝึกอบรมเกี่ยวกับวิธีการใช้พลุหรือดอกไม้ไฟให้กับพนักงานของตนตามความเหมาะสม เช่น การกำกับดูแลการเก็บรักษาอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการแสดงพลุ/ดอกไม้ไฟ การป้องกันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยังพื้นที่จุดพลุ เป็นต้น

ข้อกำหนดทางกฎหมายเกี่ยวกับการใช้พลุหรือดอกไม้ไฟ อาจเกี่ยวข้องกับ
•     การได้มาหรือการมีพลุหรือดอกไม้ไฟไว้ในครอบครอง โดยผ่านผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตและมีการขึ้นทะเบียนถูกต้อง
•     การมีใบอนุญาตเพื่อติดแสดงไว้ให้ชัดเจน
•     การติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่หรือผู้มีอำนาจทางกฎหมาย เพื่อให้ทราบถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เข้าใจเกี่ยวกับวิธีการใช้งานพลุหรือดอกไม้ไฟ รวมถึงคำแนะนำเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้งานพลุหรือดอกไม้ไฟ
•     การติดต่อประสานงานและการขอคำปรึกษาจากผู้อื่นหรือหน่วยงานอื่นตามความจำเป็น

มาตรการควบคุมความเสี่ยง อาจเกี่ยวข้องกับ
•     การจัดทำมาตรการควบคุมเพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่เกิดจากพลุหรือดอกไม้ไฟ
•     การระบุขอบเขตและการดำเนินการตามระบบบริหารจัดการความปลอดภัย
•     การนำมาตรการควบคุมเหตุฉุกเฉินที่เกิดจากพลุหรือดอกไม้ไฟไปบูรณาการรวมกับแผนการบริหารจัดการในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินอื่น ๆ และให้มีการระบุบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของพนักงานที่เกี่ยวข้อง
•     การจัดตั้งให้มีระบบคุณภาพสำหรับศิลปะการแสดงพลุหรือดอกไม้ไฟ
•     การตรวจสอบเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับพลุและดอกไม้ไฟ รวมถึงการประยุกต์ใช้ตามแบบอย่างที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม
•     การประสานความร่วมมือกับผู้ผลิตพลุหรือดอกไม้ไฟ หรือผู้จัดแสดงศิลปะเกี่ยวกับพลุหรือดอกไม้ไฟ

การจัดทำแผนการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินและการจัดการความผิดปกติ อาจครอบคลุมถึง
•     การระบุถึงชนิดของเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น
•     การปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎหมาย
•     การประเมินเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ทราบว่าเกิดความผิดปกติหรือมีข้อบกพร่องเกิดขึ้นในระหว่างที่มีการแสดงเกี่ยวกับพลุหรือดอกไม้ไฟ
•     การระบุถึงสิ่งที่ต้องดำเนินการเพื่อจัดการกับสิ่งที่ถูกระบุไว้ว่าอาจจะก่อให้เกิดอันตรายและนำไปสู่เหตุการณ์ฉุกเฉิน
•     การเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับสิ่งที่ถูกระบุไว้ว่าอาจจะก่อให้เกิดอันตรายและนำไปสู่เหตุการณ์ฉุกเฉิน
•     การประยุกต์ใช้มาตรการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างเหมาะสม

การฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้พลุหรือดอกไม้ไฟ ควรครอบคลุมถึง
•     การระบุบุคคลว่าใครควรจะได้รับการฝึกอบรม
•     การระบุหัวข้อฝึกอบรมที่ต้องการ
•     การดำเนินการฝึกอบรมตามที่ได้ระบุไว้
•     การประสานความร่วมมือกับผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่าย

งานธุรการของการรักษาความปลอดภัย มีหน้าที่ในการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ภายในองค์กร จัดทำประวัติการทำงานของบุคลากร จัดทำ ผลิต และรวบรวมเอกสารต่าง ๆ ของแผนก จัดทำเอกสารขออนุมัติปฏิบัติงานนอกเวลา จัดทำบัญชีวัสดุครุภัณฑ์ของแผนกรักษาความปลอดภัย เป็นต้น

แบบฟอร์มเอกสารและรายงานภายในองค์กร อาจครอบคลุมถึง
•     การรวบรวมและการนำเสนอเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของยานพาหนะและการเคลื่อนที่ของคน
•     การบันทึกรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
•     การดำเนินการตามคำร้องขอพิเศษจากผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ
•     รายงานการประเมินความสูญเสียหรือความเสียหายที่เกิดขึ้น
•     รายงานบันทึกการตรวจตราลาดตระเวน และการระบุถึงปัญหาด้านความปลอดภัย การละเมิด การฝ่าฝืน และความเสี่ยงต่าง ๆ 
•     การช่วยเหลือในการกรอกข้อมูลเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากประกันภัย
•     การรวบรวมข้อมูลจากพยานต่าง ๆ
 


16. หน่วยสมรรถนะร่วม (ถ้ามี)
N/A

17. อุตสาหกรรมร่วม/กลุ่มอาชีพร่วม (ถ้ามี)
N/A

18. รายละเอียดกระบวนการและวิธีการประเมิน (Assessment Description and Procedure)

กระบวนการและวิธีการประเมินให้ดูในคู่มือการประเมิน


ยินดีต้อนรับ