หน่วยสมรรถนะ

หน่วยสมรรถนะ

เลือกพื้นที่ปลูกสร้างสวนยาง

สาขาวิชาชีพเกษตรกรรม


รายละเอียดหน่วยสมรรถนะ


1. รหัสหน่วยสมรรถนะ ARC-AGE-2-114ZA

2. ชื่อหน่วยสมรรถนะ เลือกพื้นที่ปลูกสร้างสวนยาง

3. ทบทวนครั้งที่ N/A / -

4. สร้างใหม่ ปรับปรุง

5. สำหรับชื่ออาชีพและรหัสอาชีพ (Occupational Classification)


          อาชีพผู้ปฏิบัติงานด้านการปลูกสร้างสวนยางพารา



6. คำอธิบายหน่วยสมรรถนะ (Description of Unit of Competency)
          หน่วยสมรรถนะนี้เกี่ยวข้องกับการเลือกพื้นที่ปลูกสร้างสวนยาง โดยผู้ที่ผ่านหน่วยสมรรถนะนี้ต้องมีความรู้ความเข้าใจใน ลักษณะพื้นที่ สภาพภูมิอากาศ และลักษณะเนื้อดิน สมบัติทางเคมีของดินที่เหมาะสมกับการปลูกยางพาราอธิบายปลูกสร้างในพื้นที่แห้งแล้งได้และลักษณะการปลูกสร้างสวนยางพาราที่ไม่ส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำได้และมีทักษะได้แก่ สามารถประเมินสภาพพื้นที่ที่ปลูกยางพารา สามารถตัดสินใจเลือกสภาพพื้นที่โดยพิจารณาตามลักษณะพื้นที่ ระดับความลึกของดิน ระดับน้ำใต้ดิน และตามลักษณะภูมิประเทศในการปลูกสร้างสวนยางพาราได้อย่างเหมาะสม สามารถระบุข้อมูลสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ที่จะปลูกยางพาราได้ สามารถปฏิบัติงานตามขั้นตอนการวิเคราะห์ดินที่เหมาะสมกับการปลูกสร้างสวนยางได้อย่างถูกต้อง ได้แก่เตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการเก็บตัวอย่างดิน รวบรวมข้อมูลเพื่อตัดสินใจเลือกพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพาราและตรวจสอบสมบัติทางเคมีของดินเบื้องต้น และสามารถจัดการแหล่งน้ำสำหรับการปลูกสร้างสวนยางพาราได้รวมทั้งสามารถแก้ไขปัญหาที่พบเป็นประจำในการปฏิบัติงานได้

7. สำหรับระดับคุณวุฒิ
1 2 3 4 5 6 7 8

8. กลุ่มอาชีพ (Sector)
          กลุ่มอาชีพเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ ผู้ปฏิบัติงานด้านเพาะปลูกยางพารา

9. ชื่ออาชีพและรหัสอาชีพอื่นที่หน่วยสมรรถนะนี้สามารถใช้ได้ (ถ้ามี)
         ISCO 6112 ผู้ปฏิบัติงานด้านการปลูกไม้ยืนต้นและไม้ผล

10. ข้อกำหนดหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง (Licensing or Regulation Related) (ถ้ามี)
- พระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ.2542- คำแนะนำพันธุ์ยาง ปี 2560 พันธุ์ยางแนะนำในพื้นที่ปลูกยางเดิม พันธุ์ยางแนะนำในพื้นที่ปลูกยางใหม่ ของสถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร

11. สมรรถนะย่อยและเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Elements and Performance Criteria)
หน่วยสมรรถนะย่อย (EOC) เกณฑ์ในการปฏิบัติงาน (Performance Criteria) รหัส PC
(ตามเล่มมาตรฐาน)
รหัส PC
(จากระบบ)
B121 พิจารณาลักษณะพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพาราตามลักษณะภูมิประเทศ 1) อธิบายลักษณะพื้นที่ที่เหมะสมกับการปลูกยางพาราได้ B121.01 83090
B121 พิจารณาลักษณะพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพาราตามลักษณะภูมิประเทศ 2) อธิบายวิธีการปลูกสร้างในพื้นที่แห้งแล้งได้ B121.02 83091
B121 พิจารณาลักษณะพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพาราตามลักษณะภูมิประเทศ 3) ประเมินสภาพพื้นที่ที่จะปลูกยางพาราได้อย่างถูกต้อง B121.03 83092
B121 พิจารณาลักษณะพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพาราตามลักษณะภูมิประเทศ 4) ตัดสินใจเลือกพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพาราโดยพิจารณาตามระดับความลึกของดินและระดับน้ำใต้ดิน B121.04 83093
B121 พิจารณาลักษณะพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพาราตามลักษณะภูมิประเทศ 5) ตัดสินใจเลือกพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพาราตามลักษณะภูมิประเทศได้อย่างเหมาะสม B121.05 83094
B122 พิจารณาสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพาราตามลักษณะภูมิอากาศ 1) อธิบายสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมกับการปลูกยางพาราได้ B122.01 83095
B122 พิจารณาสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพาราตามลักษณะภูมิอากาศ 2) ระบุข้อมูลสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ที่จะปลูกยางพาราได้ B122.02 83096
B122 พิจารณาสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพาราตามลักษณะภูมิอากาศ 3) ตัดสินใจเลือกพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพาราตามลักษณะภูมิอากาศได้อย่างเหมาะสม B122.03 83097
B123 พิจารณาลักษณะดินที่จะปลูกสร้างสวนยางพารา 1) อธิบายลักษณะเนื้อดินที่เหมาะสมแก่การปลูกยางพาราได้ B123.01 83098
B123 พิจารณาลักษณะดินที่จะปลูกสร้างสวนยางพารา 2) อธิบายคุณสมบัติทางเคมีของดินที่เหมาะสมกับการปลูกยางพาราได้ B123.02 83099
B123 พิจารณาลักษณะดินที่จะปลูกสร้างสวนยางพารา 3) เตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการตรวจสอบคุณสมบัติทางเคมีที่สำคัญของดินได้อย่างถูกต้อง B123.03 83100
B123 พิจารณาลักษณะดินที่จะปลูกสร้างสวนยางพารา 4) ดำเนินการเก็บตัวอย่างดินเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติทางเคมีของดินได้อย่างถูกวิธี B123.04 83101
B123 พิจารณาลักษณะดินที่จะปลูกสร้างสวนยางพารา 5) ตรวจสอบสมบัติทางเคมีของดินเบื้องต้น เช่น ค่าความเป็นกรด-ด่างปริมาณอินทรียวัตถุ และธาตุอาหารของพืชในดินได้อย่างถูกต้อง B123.05 83102
B123 พิจารณาลักษณะดินที่จะปลูกสร้างสวนยางพารา 6) ตัดสินใจเลือกพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพาราโดยพิจารณาตามลักษณะพื้นที่และดิน B123.06 83103
B124 พิจารณาสภาพแหล่งน้ำที่จะปลูกสร้างสวนยางพารา 1) อธิบายลักษณะการปลูกสร้างสวนยางพาราที่ไม่ส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำได้ B124.01 83104
B124 พิจารณาสภาพแหล่งน้ำที่จะปลูกสร้างสวนยางพารา 2) สามารถจัดการแหล่งน้ำสำหรับการปลูกสร้างสวนยางพาราได้ B124.02 83105
B124 พิจารณาสภาพแหล่งน้ำที่จะปลูกสร้างสวนยางพารา 3) ตัดสินใจเลือกพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพาราที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพแหล่งน้ำได้อย่างเหมาะสม B124.03 83106

12. ความรู้และทักษะก่อนหน้าที่จำเป็น (Pre-requisite Skill & Knowledge)
N/A

13. ทักษะและความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge)

(ก) ความต้องการด้านทักษะ


          1) มีทักษะในการคิดวิเคราะห์เชิงวิทยาศาสตร์  ประเมินผลและการสรุปผล การเลือกพื้นที่ปลูกยางพารา




          2) มีทักษะในการสังเกตการตัดสินใจ การตรวจสอบ และพิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเลือกพื้นที่ปลูกยางพาราได้แก่ปัจจัยภูมิอากาศ ภูมิประเทศ ดิน แหล่งน้ำ




          3) มีทักษะในการสื่อสาร การติดต่อประสานงาน อธิบาย และทำความเข้าใจร่วมกับผู้ร่วมงาน หรือผู้รับปฏิบัติตามแผนงานหรือแผนปฏิบัติการให้เข้าใจและปฏิบัติงานในการเลือกพื้นที่ปลูกยางพารา

(ข) ความต้องการด้านความรู้


          1) มีความรู้ในการพิจารณาพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพารา




          2) มีความรู้ในการพิจารณาสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพารา




          3) มีความรู้ในการพิจารณาลักษณะโครงสร้างเนื้อดินในพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพารา




          4) มีความรู้ในการเก็บตัวอย่างดินและตรวจสอบคุณสมบัติทางเคมีของดินเบื้องต้น เช่น ค่าความเป็นกรด-ด่าง ปริมาณอินทรียวัตถุ และธาตุอาหารของพืชในดิน




          5) มีความรู้ในการพิจารณาสภาพแหล่งน้ำในการเลือกพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพารา


14. หลักฐานที่ต้องการ (Evidence Guide)


          หลักฐานที่ต้องการจะกำหนดข้อแนะนำเกี่ยวกับการประเมิน และควรที่จะใช้ประกอบร่วมกันกับเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Performance Criteria) ทักษะและความรู้ที่ต้องการ




(ก) หลักฐานการปฏิบัติงาน (Performance Evidence)




          1) หลักฐาน/หนังสือรับรองการทำงาน หรือการผ่านงานที่ออกโดยหน่วยงานที่เชื่อถือได้




          2) ใบผ่านการฝึกอบรม หรือ ใบรับรองประสบการณ์การทำงาน (ถ้ามี)




(ข) หลักฐานความรู้ (Knowledge Evidence)




          1) หลักฐานคุณวุฒิการศึกษา




          2) หลักฐานการผ่านการอบรม หรือการประชุมเชิงปฏิบัติการ




          3) ผลการสอบข้อเขียน




          4) ผลการทดสอบสัมภาษณ์/ปฏิบัติ




(ค) คำแนะนำในการประเมิน




          1) การประเมินเป็นการใช้แบบสอบข้อเขียน และการสัมภาษณ์เชิงเทคนิค หรือประเมินจากการปฏิบัติงานจริงประกอบกัน โดยต้องผ่านในทุกวิธีการประเมิน




          2) ผู้เข้ารับการประเมินแสดงความจำนงในการขอรับการประเมินคุณวุฒิวิชาชีพในสาขาอาชีพ และระดับชั้นที่ประสงค์จะขอรับการประเมิน




          3) ผู้รับการประเมินจะต้องกรอกแบบยื่นคำขอรับการทดสอบสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ ระบุข้อมูลประวัติของผู้รับการประเมิน และยื่นเอกสารประกอบการยื่นขอรับการทดสอบสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพผ่านช่องทางที่กำหนด




(ง) วิธีการประเมิน




          1) การสอบข้อเขียน




          2) การสอบสัมภาษณ์




          3) การสอบปฏิบัติ


15. ขอบเขต (Range Statement)


          ขอบเขต (Range Statement) อธิบายถึงการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับหน่วยสมรรถนะนี้ระบุองค์ประกอบ ในการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการทั่วไปให้มีความเหมาะสม โดยต้องดำเนินงานเป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ มาตรฐาน แผนการดำเนินงาน และนโยบายของเจ้าของแปลงและผู้ประกอบการการเลือกพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพารา ซึ่งต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง




(ก) คำแนะนำ




          N/A




(ข) คำอธิบายรายละเอียด




          1) พื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูกยางพารา / สภาพแวดล้อมในพื้นที่ปลูกยางพารา และลักษณะพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกยางพารา ถือได้ว่าเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญ และมีอิทธิพลต่อการให้ผลผลิต แต่เป็นสิ่งที่สามารถบังคับ ควบคุม เลือก แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงได้ยาก ดังนั้นในการปลูกสร้างสวนยางพาราต้องนำปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้มาพิจารณาเลือกพื้นที่ปลูก ได้แก่ ชนิดและสมบัติของดิน ความลึกของหน้าดิน ระดับน้ำใต้ดิน ความลาดชันของพื้นที่ โรคยางพารา ความรุนแรงของลม ส่วนลักษณะพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกยางพารา เป็นพื้นที่ราบ มีความลาดชันไม่เกิน 35 องศา หากปลูกในพื้นที่ที่มีความลาดชันเกินกว่า 15 องศา ต้องทำขั้นบันได หน้าดินลึกไม่น้อยกว่า 1 เมตร เป็นดินร่วนเหนียวหรือร่วนทราย ไม่มีชั้นหิน ชั้นดินดาน หรือชั้นกรวดอัดแน่นในระดับสูงกว่า 1 เมตร จากพื้นดิน การระบายน้ำดี ระดับน้ำใต้ดินต่ำกว่าระดับผิวดินมากกว่า 1 เมตร ไม่เป็นที่ลุ่มน้ำขังหรือพื้นที่นา พื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 200 เมตร หากปลูกยางพาราในพื้นที่ที่มีความสูงเกินกว่านี้ จะทำให้การเจริญเติบโตช้า ค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน (pH) ที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 4.5-5.5 ไม่ควรเป็นดินด่าง ดินเค็ม หรือดินเกลือ




          2) สภาพภูมิอากาศในพื้นที่ปลูกสร้างสวนยางพารา สภาพภูมิอากาศในพื้นที่ที่เหมาะต่อการปลูกยางพาราโดยพิจารณาจาก ปริมาณน้ำฝนไม่น้อยกว่า 1,250 มิลลิเมตรต่อปี จำนวนวันฝนตก 120 - 150 วันต่อปี บางพื้นที่ซึ่งมีลักษณะดินและภูมิอากาศไม่เหมาะสมจำเป็นต้องมีการจัดการสวนยางอย่างถูกต้องจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง แต่เกษตรต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอันเป็นการเพิ่มต้นทุน ซึ่งมีหลายวิธีดังนี้ 1) ปรับปรุงดินเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดินโดยการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก เพื่อช่วยให้โครงสร้างของดินดีขึ้น มีความร่วนซุย สามารถอุ้มน้ำและรักษาความชื้นในดินได้ดี 2) ดูแลรักษาสวนยางก่อนเข้าฤดูแล้ง โดยการใช้วัสดุคลุมดินรอบโคนต้นยางในช่วงอายุ 2 ปีแรก หลังจากปลูก จะช่วยให้ดินเก็บรักษาความชื้นไว้ได้ในช่วงฤดูแล้งและทาปูนขาวบริเวณลำต้น เพื่อป้องกันลำต้นไหม้จากแสงแดด 3) ใส่ปุ๋ยบำรุงต้นยางด้วยปุยเคมีร่วมปุ๋ยอินทรีย์ ตามคำแนะนำเพื่อให้ต้นยางสมบูรณ์แข็งแรง 4) สวนยางที่เปิดกรีดแล้ว ไม่ควรไถพรวนในระหว่างแถวยาง 5) กรณีที่ปลูกยางในดินที่มีการระบายน้ำไม่ดีหรือเกิดน้ำท่วมขัง ควรขุดคูระบายน้ำ โดยขุดคูระบายน้ำให้ระดับน้ำใต้ดินอยู่ลึกจากระดับผิวดินมากกว่า 2 เมตร




          3) ลักษณะดิน สภาพพื้นที่และลักษณะดินที่เหมาะต่อการปลูกยางพารามีดังนี้ 1) เป็นพื้นที่ที่ความลาดชันไม่เกิน 35 องศา ถ้าความลาดชันเกิน 15 องศา การปลูกต้องทำแบบขั้นบันได 2) หน้าดินลึกไม่น้อยกว่า 1 เมตร มีการระบายน้ำดีไม่มีชั้นหินหรือชั้นดินดาน 3 )ระดับน้ำใต้ดินต่ำกว่าระดับผิวดินมากกว่า 1 เมตร 4) เนื้อดินเป็นดินร่วนเหนียวถึงร่วนทราย ไม่เป็นดินเกลือหรือดินเค็ม 5) ไม่เป็นพื้นที่นาหรือที่ลุ่มน้ำขัง สีของดินควรมีสีสม่ำเสมอตลอดหน้าตัดดิน 6) ดินไม่มีชั้นกรวดอัดแน่นหรือแผ่นหินแข็งในระดับต่ำกว่าหน้าดินไม่ถึง 1 เมตร เพราะจะทำให้ต้นยางไม่สามารถใช้น้ำในระดับราดแขนงในฤดูแล้งได้ และหากช่วงแล้งยาวนานจะทำให้ต้นยางตายจากยอดลงไป 7) ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 600 เมตร ถ้าสูงกว่านี้อัตราการเจริญเติบโตของต้นยางจะลดลงและ 8) มีค่า pH ระหว่าง 4.5 - 5.5 ไม่เป็นดินด่าง




          4) สภาพแหล่งน้ำ




          1) แหล่งน้ำ หมายถึง สระน้ำ บ่อน้ำตื้น น้ำบาดาล น้ำประปา น้ำภูเขา เป็นต้น ซึ่งต้องได้รับการประเมินคุณภาพน้ำตามเกณฑ์คุณภาพน้ำเพื่อการเกษตร แหล่งน้ำต้องมีปริมาณน้ำเพียงพอกับความต้องการในแปลง อาจพิจารณาจากการรดน้ำต้นตอยางด้วยระบบสปริงเกอร์วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ครั้งละ 1 ชั่วโมง และการใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง




          2) อุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดทำระบบส่งน้ำ หมายถึง ปั๊มน้ำ ท่อส่งน้ำ ข้อต่อ หัวจ่ายน้ำ อุปกรณ์ตั้งเวลาการให้น้ำ เป็นต้น




          3) ผังระบบส่งน้ำ หมายถึง ผังระบบส่งน้ำในแปลงประกอบด้วยที่ตั้งแหล่งน้ำเชื่อมโยงกับระบบสูบน้ำระบบจ่ายน้ำ และมีแรงดันน้ำที่เพียงพอ




          4) บำรุงรักษาระบบส่งน้ำ หมายถึง การกำหนดตารางเวลาในการบำรุงรักษาระบบส่งน้ำและมีอุปกรณ์อะไหล่สำรองเตรียมพร้อมไว้ เช่น การตรวจสอบการรั่วไหลและติดขัดของระบบจ่ายน้ำควรทำอย่างทั่วถึงและทุกวัน การบำรุงรักษาปั้นน้ำตามคู่มือการใช้งาน เป็นต้น


16. หน่วยสมรรถนะร่วม (ถ้ามี)
N/A

17. อุตสาหกรรมร่วม/กลุ่มอาชีพร่วม (ถ้ามี)
N/A

18. รายละเอียดกระบวนการและวิธีการประเมิน (Assessment Description and Procedure)


          1) ประเมินจากแบบสอบข้อเขียน




          2) ประเมินโดยการสัมภาษณ์ตามแบบทดสอบที่กำหนดไว้




          3) ประเมินโดยการสอบปฏิบัติ




          4) ประเมินจากหลักฐานอื่น ๆ เช่น หนังสือรับรอง เอกสารรับรองการผ่านการอบรม หนังสือรับรองการทำงาน/ผ่านงาน โดยต้องดำเนินการควบคู่กับการสัมภาษณ์



ยินดีต้อนรับ