หน่วยสมรรถนะ

หน่วยสมรรถนะ

ริเริ่มและวางแผนโครงการภายใต้รัฐบาลดิจิทัล

สมรรถนะสนับสนุนการทำงานด้านดิจิทัลสำหรับข้าราชการ และบุคลากรภาครัฐ


รายละเอียดหน่วยสมรรถนะ


1. รหัสหน่วยสมรรถนะ DG-WPJL-028

2. ชื่อหน่วยสมรรถนะ ริเริ่มและวางแผนโครงการภายใต้รัฐบาลดิจิทัล

3. ทบทวนครั้งที่ 1 / 2567

4. สร้างใหม่ ปรับปรุง

5. สำหรับชื่ออาชีพและรหัสอาชีพ (Occupational Classification)
N/A

6. คำอธิบายหน่วยสมรรถนะ (Description of Unit of Competency)
ผู้ที่ผ่านหน่วยสมรรถนะนี้จะสามารถเริ่มต้นในการทำโครงการ (Project Initiation) กำหนดเป้าประสงค์ของโครงการ จัดการผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ จัดทำกฏบัตรโครงการ วางแผนการดำเนินโครงการ และวางแผนโครงการได้ (Project Planning) ตลอดจนการประเมินความคุ้มค่าในการพัฒนาบริการดิจิทัล

7. สำหรับระดับคุณวุฒิ

8. กลุ่มอาชีพ (Sector)
ข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ

9. ชื่ออาชีพและรหัสอาชีพอื่นที่หน่วยสมรรถนะนี้สามารถใช้ได้ (ถ้ามี)
N/A

10. ข้อกำหนดหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง (Licensing or Regulation Related) (ถ้ามี)
N/A

11. สมรรถนะย่อยและเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Elements and Performance Criteria)
หน่วยสมรรถนะย่อย (EOC) เกณฑ์ในการปฏิบัติงาน (Performance Criteria) รหัส PC
(ตามเล่มมาตรฐาน)
รหัส PC
(จากระบบ)
DL401

กำหนดเป้าประสงค์ของโครงการ

กำหนดขอบเขตและผลลัพธ์ที่ชัดเจนของโครงการได้ DL401.01 217369
วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility Analysis)
DL401.02 217370
DL402

ประเมินความคุ้มค่าในการทำโครงการ (Cost-Benefit Analysis)

วิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อสนับสนุนการประเมินความคุ้มค่าของการพัฒนาบริการดิจิทัลได้
DL402.01 217371
ระบุต้นทุนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบริการดิจิทัลได้
DL402.02 217372
ระบุประโยชน์ที่จะได้รับจากการพัฒนาบริการดิจิทัลได้ DL402.03 217373

ระบุผลกระทบและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาบริการดิจิทัลต่อผู้ใช้และองค์กรได้

DL402.04 217374

สื่อสารผลการประเมินความคุ้มค่าในการพัฒนาบริการดิจิทัลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจและนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องได้

DL402.05 217375
DL403

จัดการผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ

ระบุหน่วยงานหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการได้ (Identify stakeholders)
DL403.01 217376
วิเคราะห์บทบาทและความสำคัญของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ
DL403.02 217377
รวบรวมความต้องการของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ DL403.03 217378
สื่อสารและทำงานร่วมกันกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการด้วยเครื่องมือดิจิทัล
DL403.04 217379
DL404

จัดทำกฏบัตรโครงการ (Project Charter)

ระบุอุปสรรค และความเสี่ยงในภาพรวมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโครงการ
DL404.01 217380
กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ DL404.02 217381
รวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อนำเสนอขออนุมัติโครงการ DL404.03 217382
DL405

วางแผนการดำเนินโครงการ

กำหนดความต้องการ (Requirement) ของโครงการครบถ้วนตามเป้าประสงค์
DL405.01 217383
ระบุสิ่งที่ต้องส่งมอบและเงื่อนไขการตรวจรับในแต่ละช่วงเวลาได้
DL405.02 217384
ระบุข้อจำกัดและเงื่อนไขของโครงการให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับ
DL405.03 217385
DL406

จัดทำงบประมาณโครงการ และการนำระบบดิจิทัลไปใช้

สามารถประเมินงบประมาณของโครงการได้ DL406.01 217386
ประมาณการค่าใช้จ่ายในการนำโครงการดิจิทัลไปใช้ (Implementation Cost Estimation) DL406.02 217387
จัดทำรายงานเพื่อเสนอของบประมาณโครงการและการนำไปใช้
DL406.03 217388

12. ความรู้และทักษะก่อนหน้าที่จำเป็น (Pre-requisite Skill & Knowledge)

−    ทักษะการเรียนรู้ในศตวววษที่ 21

−    ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบราชการ หน้าที่ความรับผิดชอบ และการบริหารจัดการภาครัฐ

−    ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายปกครอง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารทางราชการ กฎหมายว่าด้วยการละเมิด

−    ความรู้เกี่ยวกับทิศทางและยุทธศาสตร์ของประเทศ 

−    ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัล

 


13. ทักษะและความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge)

(ก) ความต้องการด้านทักษะ

−    มองเห็นภาพรวมและความเชื่อมโยงระหว่างการทำงานของตนเองและคนอื่น (Holistic View and Task Linkage)

−    ทักษะการสื่อสารและการสร้างความร่วมมือ (Communication and Collaboration)

−    สร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ (Networking Ability)

−    การชี้ชวนและการเจรจาต่อรอง (Convincing and Negotiation) 

−    จูงใจให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อคล้อยตาม (Interpersonal Influencing)

−    กล้าตัดสินใจ กล้ารับความเสี่ยง (Risk Taking)

−    มีความคิดริเริ่ม (Innovative)

−    เปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ (Open to New Experience)

(ข) ความต้องการด้านความรู้

−    ความรู้เกี่ยวกับเป้าหมาย พันธกิจ กระบวนการทำงานและการให้บริการของหน่วยงาน

−    เทคนิคการวิเคราะห์กระบวนการทำงานทางธุรกิจ (Business process modeling and analysis)

−    เทคนิคการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ (Feasibility analysis)

−    เทคนิคการวิเคราะห์ความคุ้มค่าในการทำโครงการ (Cost Benefit Analysis)

−    ความรู้ด้านการจัดการความเสี่ยงดิจิทัล (Digital Risk Management)

−    ความรู้ด้านการจัดทำกฏบัตรโครงการ (Project Charter)

−    ความรู้ด้านการระบุความต้องการประกอบ (Non-functional requirement)

−    เทคนิคการสร้างโครงสร้างแยกย่อยงาน (Work Breakdown Structure)

−    เทคนิคการประเมินงบประมาณ (Estimation method) 

−    ความรู้พื้นฐานการควบคุมและประกันคุณภาพ (Quality control and Quality assurance)

−    ความรู้ด้านการจัดการโครงการ (Project Management)

 


14. หลักฐานที่ต้องการ (Evidence Guide)

(ก)    หลักฐานการปฏิบัติงาน(PerformanceEvidence)

-    หลักฐานการริเริ่มและวางแผนโครงการภายใต้รัฐบาลดิจิทัล

-    เอกสารหรือรายงานที่แสดงถึงการริเริ่มและวางแผนโครงการภายใต้รัฐบาลดิจิทัล

(ข)    หลักฐานความรู้(KnowledgeEvidence)

−    ประกาศนียบัตรด้านการจัดการโครงการ (Project Management) 

−    ประกาศนียบัตรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความเสี่ยง (Risk Management) 

−    ผลการทดสอบความรู้ด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง 

−    ประกาศนียบัตรต่างๆ จากการฝึกอบรมพัฒนาหรือการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง

(ค)    คำแนะนำในการประเมิน

-    พิจารณาความเป็นสากลและเป็นที่ยอมรับของประกาศนียบัตร

-    พิจารณาได้จากคุณภาพของหลักฐานการปฏิบัติงาน 

-    ตรวจประเมินหลักฐานโดยพิจารณาจากร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหลักฐานด้านปฏิบัติงานและหลักฐานด้านความรู้ 

 


15. ขอบเขต (Range Statement)

หน่วยสมรรถนะนี้ควรเลือกใช้กับโครงการขนาดกลางขึ้นไป โดยพิจารณาจากมูลค่าโดยประมาณ

ของโครงการ (Estimated Budget) ที่ไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท หรือเป็นโครงการที่ใช้เวลาโดยประมาณ (Estimated Effort) ไม่ต่ำกว่า 10 คน/เดือน (Man-month) 

(ก) คำแนะนำ

กรณีจัดการโครงการในรูปแบบพลวัตรปรับต่อเนื่อง (Agile)

−    SPM404 วางแผนการดำเนินโครงการ จะต้องกำหนดช่วงเวลาและเงื่อนไขการส่งมอบในรูปแบบ

ชิ้นงานที่ใช้ได้ตามกำหนดช่วงเวลา (Minimum Viable Product on Release based) 

−    SPM405 จัดทำงบประมาณโครงการและการนำระบบดิจิทัลไปใช้ ควรประเมินค่าใช้จ่ายและเสนอ

ของบประมาณตามช่วงเวลาการส่งมอบ (Release) โดยพิจารณาชิ้นงานที่ส่งมอบล่าสุดแล้วจึงกำหนด

สิ่งที่ต้องการในการส่งมอบถัดไปแล้วประเมินค่าใช้จ่าย

−    SPM407 วางแผนจัดการความเสี่ยงโครงการ ควรดำเนินการทุกวงรอบ (Release/Time box) โดยประเมินสถานการณ์ล่าสุดและวางแผนจัดการความเสียงเฉพาะหน้าที่จะเกิดขึ้นในวงรอบถัดไป





(ข) คำอธิบายรายละเอียด

−    ความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility study) เป็นการศึกษาเพื่อตัดสินใจในการทำโครงการ

ประกอบด้วย 

o    การสร้างความแตกต่างเมื่อโครงการสำเร็จ

o    ความเป็นไปได้ด้านเทคโนโลยี

o    กระบวนการ กฎหมายและกฎระเบียบ 

o    ความปลอดภัย

o    สิ่งแวดล้อม

−    ความคุ้มค่าในการทำโครงการ (Cost Benefit Analysis) เป็นการคำนวณผลตอบแทน โดยคิดครอบคลุมเงินลงทุนทั้งหมด ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ จุคคุ้มทุน

−    กฏบัตรโครงการ (Project Charter) เป็นเอกสารสรุปข้อมูลโครงการเพื่อขออนุมัติ มีเนื้อหาหลัก คือ

o    วัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ

o    กรอบเวลา วันที่เริ่มต้นและวันสิ้นสุดโครงการ

o    เหตุผลที่จำเป็นต้องมีโครงการ

o    ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญของโครงการ

o    บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมในโครงการ

o    ผลลัพธ์ที่คาดหมายและตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ

o    ทรัพยากรที่จำเป็นต้องใช้ในการดำเนินโครงการ

o    อุปสรรค และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโครงการ

−    การประเมินงบประมาณของโครงการ (Cost estimation) เป็นส่วนสำคัญในการวางแผนโครงการ

เพื่อให้รู้งบประมาณโดยสังเขป โดยการประเมินควรอ้างอิงโมเดลสากลที่ใช้ทั่วไป เช่น Analogous, Parametric, PERT, Bottom-up เป็นต้น

−    การระบุความเสี่ยงของโครงการที่อาจเกิดขึ้น (Risk identification) คือการระบุความเสี่ยงทุกประเภท

ที่เผชิญอยู่หรือแฝงอยู่ในการดำเนินโครงการ

−    การจัดกลุ่มความเสี่ยงของโครงการ (Risk Categorization) คือการแยกความเสี่ยงเป็นหมวดหมู่

ตามความเหมาะสม เช่น แยกตามแหล่งที่มา สาเหตุ ช่วงการดำเนินโครงการ หรือกิจกรรมในการดำเนินโครงการ การจัดกลุ่มมีความสำคัญโดยช่วยให้เห็นโครงสร้าง ง่ายต่อการประเมินและจัดการความเสี่ยง

−    การวิเคราะห์ผลกระทบของความเสี่ยง (Risk Impact Analysis) และสร้างตารางสรุปผลกระทบฯ โดยพิจารณาจาก

o    โอกาสที่จะเกิด (Likelihood) หมายถึง ความถี่หรือโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ ความเสี่ยง

o    ผลกระทบ (Impact) หมายถึง ขนาดความรุนแรงของความเสียหายที่จะเกิดขึ้นหากเกิด เหตุการณ์ความเสี่ยง



−    การสร้างโครงสร้างแยกย่อยงาน (Work Breakdown Structure) คือการกระจายงานที่มีขอบเขต

ใหญ่ลงไปให้มีขนาดเล็กและมีองค์ประกอบที่จัดการได้ง่ายขึ้น โดยมากมักแสดงในลักษณะแผนภูมิ

เพื่อให้เห็นโครงสร้างชัดเจนเข้าใจง่าย

−    การวิเคราะห์กระบวนการทำงานทางธุรกิจ (Business process modeling and analysis) คือความเข้าใจในกระบวนการทำงาน สามารถเขียนอธิบายในรูปแบบแผนผังแสดงการไหลของขั้นตอน

และข้อมูลที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์จุดอ่อนและสิ่งที่ปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้

−    เอกสารระบุความต้องการ (Business requirement document) ประกอบด้วย ความต้องการด้านธุรกิจทั้งหมดที่เป็นผลลัพธ์ของโครงการ โดยเอกสารควรใช้รูปแบบที่เป็นสากล เช่น Use case, SRS และอาจประกอบด้วยรูปภาพแสดงลำดับขั้นตอนการทำงาน เช่น UML diagrams, Dataflow diagram, Workflow diagram เป็นต้น

−    ความต้องการอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่หลัก (Non-functional requirement) คือผลลัพธ์ของโครงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่หลัก แต่เป็นคุณสมบัติประกอบที่จำเป็นต้องมี เช่น การรักษาความปลอดภัย เวลาตอบสนอง ความสามารถในการเชื่อมโยงข้อมูล ความสามารถในการรองรับจำนวนผู้ใช้บริการ เป็นต้น 

−    เทคนิคการประเมินงบประมาณ (Estimation Method) การประเมินงบประมาณของโครงการ

มีเทคนิคสากลให้เลือกใช้หลายรูปแบบ เช่น Expert Judgment, Analogous, Top-down, Parametric model, PERT ควรพิจารณาสถานการณ์และสภาพแวดล้อมเพื่อเลือกใช้เทคนิค

ที่เหมาะสม  

−    ตารางการสื่อสาร (Communication Matrix) คือรายละเอียดการสื่อสารกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

และคณะทำงานโครงการ ประกอบด้วย รายชื่อบุคคล รายการข้อมูลที่ต้องสื่อสาร ชั้นความลับ ช่วงเวลาและช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสม เป็นต้น

−    ทะเบียนข้อมูลความเสี่ยง (Risk Register) เป็นข้อมูลพื้นฐานสำคัญในการวางแผนการบริหาร

ความเสี่ยง วางกรอบการปฏิบัติงานในการตรวจติดตามปัญหาที่อาจจะมีผลต่อการดำเนินโครงการ และใช้ประเมินเปรียบเทียบการลดลงของโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยง ความรุนแรงของผลกระทบ

จากเหตุการณ์ความเสี่ยง ข้อมูลสำคัญในทะเบียนประกอบด้วยชื่อและรายละเอียด ประเภทความเสี่ยง

 โอกาสการเกิด ความรุนแรงหรือผลกระทบ วิธีการควบคุมความเสี่ยง ฯลฯ

−    การรับมือความเสี่ยง (Risk Treatments) คือวิธีที่เลือกใช้เพื่อลดความรุนแรงจากผลกระทบ

เมื่อเกิดเหตุการณ์ หรือลดโอกาสการเกิดความเสี่ยงแต่ละประเภท ประกอบด้วยวิธีหลัก ๆ คือ การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง (Avoidance) การโอนย้ายความเสี่ยง (Transfer) การลดความเสี่ยง (Reduce) การยอมรับความเสี่ยง (Accept) และการยุติความเสี่ยง (Terminate)

−    การประเมินความคุ้มค่าของโครงการ (Cost-Benefit Analysis) เป็นเทคนิคสำหรับการค้นหา

ต้นทุนและผลประโยชน์ที่คิดค่าออกมาเป็นตัวเงินของโครงการ ณ ช่วงเวลาที่กำหนดให้ การประเมินจะพิจารณามุมมองทางเศรษฐศาสตร์ สังคมหรือเชิงสวัสดิการ พิจารณาผลกระทบ

ของโครงการต่อประชาชนหรือสภาพแวดล้อมภายนอกโครงการ ควบคู่กับต้นทุนและผลประโยชน์

ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากโครงการ

−    ต้นทุนคุณภาพ (Cost of Quality) หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องจากกิจกรรมต่าง ๆ ในโครงการเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ของโครงการที่มีคุณภาพยอมรับได้ เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการวัด

ประสิทธิภาพการบริหารคุณภาพ ต้นทุนคุณภาพมีทั้งทางตรงและทางอ้อม 

o    ต้นทุนทางตรง เช่น ต้นทุนการป้องกัน, ต้นทุนการตรวจสอบ, ต้นทุนจากความบกพร่องด้านคุณภาพ

o    ต้นทุนทางอ้อม เช่น ต้นทุนเมื่อผู้ใช้ได้รับความเสียหาย ต้นทุนการเสียชื่อเสียง เป็นต้น

o    เป้าหมายของการทำโครงการคือต้องลดต้นทุนคุณภาพโดยรวมให้เหลือน้อยที่สุด โดยพิจารณาการลงทุนต่อการจัดการต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้สมดุลย์และเหมาะสม  

−    การควบคุมคุณภาพ (Quality Control) หมายถึงกิจกรรมที่เกิดขึ้นในโครงการเพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์

ของโครงการมีคุณภาพยอมรับได้ โดยมากกิจกรรมหลักคือการตรวจสอบหาความผิดพลาดของผลลัพธ์

เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องก่อนจะนำออกใช้งานจริง

−    การประกันคุณภาพ (Quality Assurance) เป็นการบริหารจัดการเพื่อสร้างความมั่นใจว่ากระบวน

การหรือการดำเนินงานจะได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพตรงตามที่กำหนด โดยกิจกรรมหลักมุ่งไปที่การตรวจสอบ

และปรับปรุงกระบวนการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด

−    ผลลัพธ์โครงการที่น้อยที่สุดที่เพียงพอใช้งานได้ (Minimum Viable Product) เป็นแนวคิดในการจัดการโครงการแบบอไจล์ ซึ่งมองว่าผลลัพธ์ของโครงการทั้งหมดมีขนาดใหญ่

และมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้อยู่เสมอ แทนที่จะใช้เวลานานในการทำงานให้ได้ผลลัพธ์ทั้งหมดในครั้งเดียว

ก็เปลี่ยนมาใช้เวลาเพียงสั้นๆ ผลิตผลลัพธ์ที่มีขนาดเล็กที่พอใช้งานได้เฉพาะส่วนแล้วนำออกไปทดลองใช้

หรือให้ผู้ใช้จริงทำงานเพื่อเก็บผลนำเอาข้อเสนอแนะกลับมาปรับปรุงให้ตรงตามความต้องการ จากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มความสามารถให้มากขึ้นวนซ้ำไปเรื่อยๆ จนได้ผลลัพธ์ทั้งหมดของโครงการ

−    รุ่นของผลลัพธ์ (Release) การส่งมอบผลลัพธ์ของโครงการอาจมีการแบ่งส่งมอบเป็นรุ่น โดยการวางแผนโครงการจะมีการกำหนดคุณสมบัติที่คาดหวังในแต่ละรุ่นที่จะส่งมอบรวมถึงช่วงเวลา ในกรณีมีการปรับปรุงหรือแก้ไขผลลัพธ์ก็อาจรวบรวมส่งมอบเป็นรุ่นได้เช่นกัน 

−    ระยะเวลาการทำงานวนรอบ (Time box) เป็นแนวคิดในการจัดการโครงการแบบอไจล์ โดยแบ่งเวลาในการพัฒนาโครงการเป็นช่วงๆ และมีการกำหนดผลลัพธ์ที่จะได้อย่างชัดเจนทีละช่วงไป ในการทำงานเป็นทีมย่อยอาจกำหนดระยะเวลาการทำงานวนรอบในระดับ 2-4 สัปดาห์ ในระดับการส่งมอบผลลัพธ์โครงการ (Release) อาจกำหนดเป็นใน 2-6 เดือน เป็นต้น

 


16. หน่วยสมรรถนะร่วม (ถ้ามี)
N/A

17. อุตสาหกรรมร่วม/กลุ่มอาชีพร่วม (ถ้ามี)
N/A

18. รายละเอียดกระบวนการและวิธีการประเมิน (Assessment Description and Procedure)

สอบข้อเขียน