หน่วยสมรรถนะ
เตรียมพื้นที่สำหรับปลูกทุเรียน
สาขาวิชาชีพเกษตรกรรม
รายละเอียดหน่วยสมรรถนะ
1. รหัสหน่วยสมรรถนะ | ARC-YRZI-1073A |
2. ชื่อหน่วยสมรรถนะ | เตรียมพื้นที่สำหรับปลูกทุเรียน |
3. ทบทวนครั้งที่ | 1 / 2567 |
4. สร้างใหม่ |
![]() |
ปรับปรุง |
![]() |
5. สำหรับชื่ออาชีพและรหัสอาชีพ (Occupational Classification) | |
รหัสอาชีพ 6112 : ผู้ปลูกไม้ยืนต้นและไม้ผล (ISCO, 2008) 1 6112 ผู้ปฏิบัติงานด้านการปลูกไม้ยืนต้นและไม้ผล |
6. คำอธิบายหน่วยสมรรถนะ (Description of Unit of Competency) | |
ผู้ที่มีสมรรถนะของหน่วยสมรรถนะนี้จะต้องเตรียมพื้นที่ปลูกทุเรียน ประกอบด้วยการสร้างแปลงปลูกตามแผนที่กำหนด เตรียมดินตามความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ จัดเตรียมแหล่งน้ำและวางระบบการให้น้ำและจัดการการให้ปุ๋ยดูแลและบำรุงรักษาต้นแม่พันธุ์ทุเรียน การให้น้ำ ปุ๋ย ป้องกันกำจัดศัตรูพืชด้วยวิธีการและช่วงเวลาที่เหมาะสม |
7. สำหรับระดับคุณวุฒิ |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
---|---|---|---|---|---|---|---|
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
8. กลุ่มอาชีพ (Sector) | |
ผู้ปฏิบัติงานเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ ผู้ปลูกทุเรียน |
9. ชื่ออาชีพและรหัสอาชีพอื่นที่หน่วยสมรรถนะนี้สามารถใช้ได้ (ถ้ามี) | |
รหัสอาชีพ 6112 : ผู้ปลูกไม้ยืนต้นและไม้ผล (ISCO, 2008) |
10. ข้อกำหนดหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง (Licensing or Regulation Related) (ถ้ามี) | |
มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) ของกรมวิชาการเกษตร |
11. สมรรถนะย่อยและเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Elements and Performance Criteria) |
หน่วยสมรรถนะย่อย (EOC) | เกณฑ์ในการปฏิบัติงาน (Performance Criteria) | รหัส PC (ตามเล่มมาตรฐาน) |
รหัส PC (จากระบบ) |
---|---|---|---|
A221 ทำแปลงปลูกทุเรียนตามแผนที่กำหนด |
ยกร่อง/พูนดิน/ขุดหลุมตามผังแปลงปลูกได้ |
A221.01 | 216356 |
A221 ทำแปลงปลูกทุเรียนตามแผนที่กำหนด |
เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ในการปลูกให้พร้อมใช้งาน |
A221.02 | 216357 |
A222 เตรียมดินเพื่อการปลูกทุเรียนตามความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ |
ปรับปรุงดินตามค่าวิเคราะห์ดินได้ |
A222.01 | 216358 |
A222 เตรียมดินเพื่อการปลูกทุเรียนตามความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ |
เตรียมหลุมปลูกตามระยะปลูกที่กำหนดไว้ |
A222.02 | 216359 |
A223 จัดเตรียมแหล่งน้ำและจัดทำระบบน้ำในแปลงทุเรียน |
เตรียมแหล่งน้ำให้เพียงพอต่อการใช้ของแปลงทุเรียน |
A223.01 | 216360 |
A223 จัดเตรียมแหล่งน้ำและจัดทำระบบน้ำในแปลงทุเรียน |
ติดตั้งระบบน้ำและระบบการให้น้ำให้ทั่วถึง |
A223.02 | 216361 |
A224 ระบบการให้ปุ๋ยในแปลงทุเรียน |
ให้ปุ๋ยตามความต้องการของพืชและช่วงเวลาที่เหมาะสม |
A224.01 | 216362 |
A224 ระบบการให้ปุ๋ยในแปลงทุเรียน |
ตรวจสอบ บำรุงรักษาระบบการให้ปุ๋ยให้พร้อมใช้งาน |
A224.02 | 216363 |
12. ความรู้และทักษะก่อนหน้าที่จำเป็น (Pre-requisite Skill & Knowledge) | |
1) มีทักษะเกี่ยวกับการอ่านค่าวิเคราะห์ดินและน้ำ 2) มีความรู้เรื่อง การให้ปุ๋ยพร้อมน้ำ |
13. ทักษะและความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge) | |
(ก) ความต้องการด้านทักษะ
(ข) ความต้องการด้านความรู้ 1) มีความรู้ เรื่อง การบริหารจัดการน้ำ 2) มีความรู้ เรื่อง การบริหารจัดการธาตุอาหารพืช |
14. หลักฐานที่ต้องการ (Evidence Guide) | |
หลักฐานที่ต้องการจะกำหนดข้อแนะนำเกี่ยวกับการประเมิน และควรที่จะใช้ประกอบร่วมกันกับเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Performance Criteria) ทักษะและความรู้ที่ต้องการ (ก) หลักฐานการปฏิบัติงาน (Performance Evidence) 1) หลักฐาน/หนังสือรับรองการทำงาน หรือการผ่านงานที่ออกโดยหน่วยงานที่เชื่อถือได้ 2) แฟ้มสะสมงาน (Portfolio) (ข) หลักฐานความรู้ (Knowledge Evidence) 1) หลักฐานคุณวุฒิการศึกษา 2) หลักฐานการผ่านการอบรม หรือการประชุมเชิงปฏิบัติการ 3) ผลการสอบข้อเขียน 4) ผลการทดสอบสัมภาษณ์/ปฏิบัติ (ค) คำแนะนำในการประเมิน 1) ผู้ประเมินจะดำเนินการตรวจประเมินจากหลักฐาน เช่น แผนการปลูก ภาพถ่ายการวางระบบต่างๆ ภายในแปลงปลูก เป็นต้น พร้อมทั้งคำอธิบายหลักการหรือเหตุผลประกอบ 2) หลักฐานที่ต้องการเพื่อแสดงถึงหน่วยสมรรถนะนี้ ต้องมีความสัมพันธ์กับข้อกำหนดของหน่วยสมรรถนะย่อยและเกณฑ์การปฏิบัติงานในหน่วยสมรรถนะนี้ โดยหลักฐานในที่นี้ต้องแสดงถึง
(ง) วิธีการประเมิน - การสอบข้อเขียน - การสอบสัมภาษณ์ - แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) |
15. ขอบเขต (Range Statement) | |
การปลูกทุเรียนในพื้นที่ที่ดอน ได้ปรับเปลี่ยนระยะปลูกเพื่อลดขนาดทรงพุ่ม ทำให้สะดวกต่อการจัดการและการใช้เครื่องจักร ตัวอย่างระยะปลูกใหม่ เช่น 6 x 10 เมตร, 8 x 10 เมตร, 8 x 12 เมตร และ 4 x 12 เมตร การจัดสวนทุเรียนในพื้นที่ลุ่ม การเตรียมพื้นที่
การทำสวนทุเรียนแบบยกร่องในพื้นที่ราบและลาดเท ในพื้นที่ราบและลาดเท ชาวสวนจะตั้งโคกหรือพูนดิน เพื่อให้ดินร่วนซุยและการใช้เครื่องจักรกล การจัดระยะปลูกทุเรียนมีการปรับเปลี่ยนตามความสะดวกในการจัดการและการใช้เครื่องจักร
หลังจากเตรียมพื้นที่สวนทุเรียนเสร็จแล้ว ควรติดตั้งระบบน้ำให้พร้อมก่อนการปลูก แม้ในช่วงฤดูฝน การให้น้ำอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ต้นทุเรียนเติบโตดี ระบบน้ำที่แนะนำสำหรับสวนทุเรียนรุ่นใหม่ คือ ระบบสปริงเกอร์ ซึ่งมีข้อดีหลายประการ องค์ประกอบของระบบการให้น้ำแก่พืชที่ผู้ปลูกต้องทำความเข้าใจหลายประเด็น ดังนี้
หลักในการวางระบบน้ำที่เหมาะสมสำหรับสวนทุเรียน
การวางระบบน้ำที่มีประสิทธิภาพ การติดตั้งระบบน้ำเป็นศาสตร์ที่สำคัญต่อความสำเร็จในการลงทุนในสวนทุเรียน ชาวสวนทุเรียน
ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยทำให้การออกแบบระบบน้ำมีประสิทธิภาพสูงสุด ในการให้น้ำหรือการให้น้ำพร้อมปุ๋ยในสวนทุเรียน
การเตรียมดิน:
การปลูก:
เทคนิคการนำต้นพันธุ์ออกจากถุงชำ:
การใช้เทคนิคเหล่านี้ช่วยให้การปลูกทุเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถรับมือกับข้อจำกัดด้านแรงงานและเทคโนโลยีในปัจจุบัน
หลักการทั่วไป:
การจัดการธาตุอาหาร:
การตอบสนองต่อปุ๋ย:
การจัดการดินในสวนไม้ผล:
การจัดการธาตุอาหารสำหรับไม้ผล:
การจัดการธาตุอาหารที่เหมาะสมในสวนทุเรียนต้องคำนึงถึงการจัดการดิน ความเป็นกรด-ด่าง (pH) และปริมาณอินทรียวัตถุ รวมถึงการใส่ปุ๋ยให้เพียงพอกับความต้องการของพืช เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีปริมาณและคุณภาพสูงสุด
แนวทางที่เหมาะสมในการให้ปุ๋ยพร้อมน้ำ การให้ปุ๋ยทางระบบน้ำแก่พืช (Fertigation) มีความหมายมาจากคำว่า Fertilizer ร่วมกับ Irrigation คือ การนำปุ๋ยผสมรวมกับการให้น้ำ ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากระบบน้ำได้มากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการให้ปุ๋ยแก่พืชได้ ปัจจุบันอาจมีการประยุกต์ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช สารควบคุมการเจริญเติบโตร่วมกับระบบน้ำด้วย ข้อดีของการให้ปุ๋ยไปกับระบบน้ำ 1. เป็นการให้ปุ๋ยที่มีความสม่ำเสมอพร้อมกับน้ำ ในความเข้มข้นที่พอเหมาะลงบริเวณรากพืชหนาแน่น ไม่ตื้นหรือลึกเกินไป เนื่องจากการให้น้ำแบบฉีดฝอยหรือแบบน้ำหยดรากพืชมีปริมาณหนาแน่นที่สุดบริเวณพื้นที่เปียก 2. สามารถปรับสูตรและความเข้มข้นของปุ๋ยได้ทันทีรวดเร็ว (ทุกวัน) ตามความต้องการของพืชและสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากเป็นระบบที่มีการให้ปุ๋ยครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง จึงไม่ค่อยสะสมในดิน ดังนั้นเมื่อเปลี่ยนสูตรหรือสัดส่วนของปุ๋ย พืชก็จะตอบสนองได้รวดเร็วกว่าระบบที่ให้ครั้งละมากๆ ลงในดิน 3. เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยของพืช 10-50% จากรายงานการทดลองทั่วๆไปการให้ปุ๋ยในระบบน้ำจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการให้ทางดินถึง 10-50% ของระบบการให้ทางดินขึ้นอยู่กับระบบการให้ปุ๋ยน้ำที่ใช้ และความถี่ในการให้ปุ๋ย เนื่องจากการให้ปุ๋ยในระบบน้ำจะช่วยลดการชะล้าง โดยเฉพาะไนโตรเจน และเป็นการให้ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอทั่วบริเวณรากพืช ไม่เหมือนกันให้ปุ๋ยทางดินทั่วๆไป ซึ่งเป็นการให้เป็นจุด นานๆครั้ง เช่น 3-6 เดือน บริเวณที่มีเม็ดปุ๋ยลงในดินช่วงแรก จะมีความเข้มสูง รากพืชบริเวณนั้นอาจได้รับอันตรายได้ ทำให้การดูดใช้ปุ๋ยไม่ดี 4. ลดค่าแรงและเวลาในการให้ปุ๋ย เนื่องจากปุ๋ยไปกับน้ำจึงไม่ต้องเสียแรงงานคนหว่านปุ๋ย และสามารถให้ปุ๋ยได้ถี่มากน้อยตามความต้องการ อาจให้ทุกครั้งที่ให้น้ำหรือครั้งเว้นครั้งตามความต้องการ 5. เพิ่มผลผลิตทั้งคุณภาพและปริมาณ เนื่องจากพืชได้น้ำและปุ๋ยสม่ำเสมอ ทั้งยังสามารถเปลี่ยนชนิดและสัดส่วนของปุ๋ยตามความต้องการได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการของพืช นอกจากนี้ ยังสามารถผสมธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริมลงในระบบน้ำได้เลย โดยใส่ในรูปของเกลือที่ละลายน้ำง่าย เช่น ZnSo4, MnSO4, CuSO4 เป็นต้น ทำให้ประหยัดปุ๋ยทางใบที่มีราคาแพงลงได้มาก 6. สามารถผสมปุ๋ยให้ทางระบบน้ำใช้เองได้ ทำให้ต้นทุนถูกลงมาก บางส่วนสามารถผสมปุ๋ยให้ทางน้ำมีราคาเท่ากับการให้ปุ๋ยทางดิน แต่ประสิทธิภาพดีกว่า ข้อจำกัดและข้อควรระวัง 1. ปุ๋ยที่ใช้ต้องละลายน้ำหมดและมีความบริสุทธิ์สูง จึงมีราคาแพงและถ้าจะผสมปุ๋ยใช้เอง ซึ่งมีราคาถูกกว่าปุ๋ยสำเร็จรูปมากต้องใช้แม่ปุ๋ย ซึ่งในปัจจุบันสามารถหาซื้อแม่ปุ๋ยได้ง่ายขึ้นเนื่องจากมีหลายบริษัทสั่งแม่ปุ๋ยเข้ามาจำหน่ายมากขึ้น 2. ต้องมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติของดิน ปุ๋ย และน้ำที่ใช้ เนื่องจากปุ๋ยบางชนิดไม่สามารถผสมด้วยกันได้ที่ความเข้มข้นสูงๆ นอกจากนี้ผลของเกลือที่ละลายอยู่เดิมในน้ำและค่า pH ของน้ำก็จะมีผลต่อการละลายตัวของปุ๋ยบางชนิด และมีผลต่อการตกตะกอนของปุ๋ยด้วย ดังนั้นเกษตรกรที่จะใช้ปุ๋ยในระบบน้ำควรหาความรู้ในส่วนนี้ ซึ่งควรต้องมีการส่งตัวอย่างดินและน้ำไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ เพื่อให้ทราบถึงคุณสมบัติของดินและน้ำที่จะใช้ปลูกพืช ทำให้การใช้ปุ๋ยมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่อย่างไรก็ตามในสภาพทั่วๆไปของประเทศไทยชนิดของปุ๋ยที่ให้ในระบบน้ำจะเป็นปุ๋ยทั่วไป เช่น ยูเรีย โพแทสเซียมคลอไรด์หรือซัลเฟต ปุ๋ยพวกนี้จะมีปัญหาในการให้ปุ๋ยในระบบน้ำน้อยมาก 3. ค่าติดตั้งระบบขั้นต้นมีราคาสูง ในที่นี้รวมถึงระบบการให้น้ำด้วย คือ อาจเป็นแบบน้ำหยดหรือแบบมินิสสปริงเกอร์ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียอยู่แล้วในระบบการทำสวนสมัยใหม่ ส่วนอุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อให้ปุ๋ยในระบบน้ำ เมื่อเทียบกับทั้งระบบถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มเติมขึ้นน้อยมาก ดังนั้นในส่วนที่มีการเดินระบบน้ำอยู่แล้ว ควรอย่างยิ่งที่จะต้องมีระบบให้ปุ๋ยในระบบน้ำเพิ่มเข้าไปด้วย |
16. หน่วยสมรรถนะร่วม (ถ้ามี) | |
N/A |
17. อุตสาหกรรมร่วม/กลุ่มอาชีพร่วม (ถ้ามี) | |
N/A |
18. รายละเอียดกระบวนการและวิธีการประเมิน (Assessment Description and Procedure) | |
|