หน่วยสมรรถนะ

หน่วยสมรรถนะ

ประเมินความผิดปกติจากการเข้าทำลายของศัตรูพืช

สาขาวิชาชีพเกษตรกรรม


รายละเอียดหน่วยสมรรถนะ


1. รหัสหน่วยสมรรถนะ ARC-ZMNE-1056A

2. ชื่อหน่วยสมรรถนะ ประเมินความผิดปกติจากการเข้าทำลายของศัตรูพืช

3. ทบทวนครั้งที่ /

4. สร้างใหม่ ปรับปรุง

5. สำหรับชื่ออาชีพและรหัสอาชีพ (Occupational Classification)
N/A
1 8341 ผู้ควบคุมเครื่องจักรโรงงานชนิดเคลื่อนที่ได้ที่ใช้ในด้านการเกษตรและป่าไม้

6. คำอธิบายหน่วยสมรรถนะ (Description of Unit of Competency)
ผู้ที่มีสมรรถนะประเมินความผิดปกติจากการเข้าทำลายของศัตรูพืช ต้องมีทักษะและความรู้ในการประเมินอาการผิดปกติของพืชที่เกิดจากเชื้อสาเหตุโรคพืช แมลงและไรศัตรูพืช ทราบชนิดของวัชพืชที่ต้องการกำจัด เพื่อนำไปสู่การเลือกใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชได้ถูกต้อง 

7. สำหรับระดับคุณวุฒิ
1 2 3 4 5 6 7 8

8. กลุ่มอาชีพ (Sector)
ผู้ให้บริการโดรนทางการเกษตร (Drone services for agriculture provider)

9. ชื่ออาชีพและรหัสอาชีพอื่นที่หน่วยสมรรถนะนี้สามารถใช้ได้ (ถ้ามี)
N/A

10. ข้อกำหนดหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง (Licensing or Regulation Related) (ถ้ามี)
10.1 พระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 มาตรา 24 10.2 หลักเกณฑ์การขออนุญาตและเงื่อนไขในการบังคับ หรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินประเภทอากาศยานที่ควบคุมจากภายนอก พ.ศ. 255810.3 ประกาศ กสทช. เรื่องเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ สำหรับอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน สำหรับใช้งานเป็นการทั่วไป10.4 พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 256210.5 (ร่าง) ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง หลักเกณฑ์การขออนุญาตและเงื่อนไขในการบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอกที่มีน้ำหนักเกิน 25 กิโลกรัม (ที่ใช้ในปัจจุบัน)10.6 จรรยาบรรณสำหรับผู้ค้าวัตถุอันตรายทางการเกษตรและการใช้สารกำจัดศัตรูพืชอย่างปลอดภัย10.7 มาตรการควบคุม ตรวจสอบ กำกับ ดูแล วัตถุอันตราย ปุ๋ย และพันธุ์พืช

11. สมรรถนะย่อยและเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Elements and Performance Criteria)
หน่วยสมรรถนะย่อย (EOC) เกณฑ์ในการปฏิบัติงาน (Performance Criteria) รหัส PC
(ตามเล่มมาตรฐาน)
รหัส PC
(จากระบบ)
A151

ประเมินอาการผิดปกติของพืชที่เกิดจากเชื้อสาเหตุโรคพืชได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

1.อธิบายข้อปฏิบัติสำหรับผู้รับจ้างพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืช

A151.01 215603
A151

ประเมินอาการผิดปกติของพืชที่เกิดจากเชื้อสาเหตุโรคพืชได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

2.สำรวจเชื้อสาเหตุโรคพืช 

A151.02 215604
A151

ประเมินอาการผิดปกติของพืชที่เกิดจากเชื้อสาเหตุโรคพืชได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

3.เลือกใช้สารเคมีให้ตรงกับเชื้อสาเหตุโรคพืช

A151.03 215605
A152

ประเมินอาการผิดปกติของพืชที่เกิดจากแมลงศัตรูพืชได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

1.อธิบายข้อปฏิบัติสำหรับผู้รับจ้างพ่นสารป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช

A152.01 215606
A152

ประเมินอาการผิดปกติของพืชที่เกิดจากแมลงศัตรูพืชได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

2.สำรวจชนิดของแมลงศัตรูพืช

A152.02 215607
A152

ประเมินอาการผิดปกติของพืชที่เกิดจากแมลงศัตรูพืชได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

3.เลือกใช้สารเคมีให้ตรงกับชนิดของแมลงศัตรูพืช

A152.03 215608
A153

ประเมินชนิดวัชพืชที่ระบาดได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

1.อธิบายข้อปฏิบัติสำหรับผู้รับจ้างพ่นสารกำจัดวัชพืช

A153.01 215609
A153

ประเมินชนิดวัชพืชที่ระบาดได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

2.สำรวจชนิดของวัชพืช

A153.02 215610
A153

ประเมินชนิดวัชพืชที่ระบาดได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

3.เลือกใช้สารกำจัดวัชพืชได้ตรงกับชนิดของวัชพืช

A153.03 215611

12. ความรู้และทักษะก่อนหน้าที่จำเป็น (Pre-requisite Skill & Knowledge)

1. มีทักษะในการฟัง พูด อ่าน เขียน



2. เข้าใจความผิดปกติของพืชจากเชื่อสาเหตุโรคพืช แมลงและไรศัตรู และวัชพืช



3. ทราบขั้นตอนในการประเมินความผิดปกติจากเชื่อสาเหตุโรคพืช แมลงและไรศัตรู และวัชพืช



4. มีทักษะในการประเมินความผิดปกติจากเชื่อสาเหตุโรคพืช แมลงและไรศัตรู และวัชพืช


13. ทักษะและความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge)

(ก) ความต้องการด้านทักษะ

1. ทักษะการวิเคราะห์สาเหตุและประเมินอาการผิดปกติของพืชจากเชื่อสาเหตุโรคพืช



2. ทักษะการวิเคราะห์สาเหตุและประเมินอาการผิดปกติของพืชจากแมลงและไรศัตรู



3. ทักษะการวิเคราะห์สาเหตุและประเมินอาการผิดปกติของพืชจากวัชพืช

(ข) ความต้องการด้านความรู้

1. ความรู้เกี่ยวกับการเก็บตัวอย่างความผิดปกติของพืช



2. ความรู้ในการสำรวจเพื่อเก็บตัวอย่างแมลงและไรศัตรู



3. ความรู้ในการสำรวจเพื่อเก็บตัวอย่างวัชพืช



4. ความรู้ในการจัดจำแนกชนิดของเชื้อสาเหตุโรคพืช



5. ความรู้ในการจัดจำแนกชนิดของแมลงและไรศัตรู


14. หลักฐานที่ต้องการ (Evidence Guide)

(ก) หลักฐานการปฏิบัติงาน (Performance Evidence) อาทิ



ผลจากการสอบสัมภาษณ์



ผลจากการประเมินสาธิตการปฏิบัติงาน



(ข) หลักฐานความรู้ (Knowledge Evidence)



ผลการสอบข้อเขียน



(ค) คำแนะนำในการประเมิน



N/A



(ง) วิธีการประเมิน



สอบข้อเขียน



สอบสัมภาษณ์



ประเมินสาธิตการปฏิบัติงาน


15. ขอบเขต (Range Statement)

(ก) คำแนะนำ



  



เรื่องการประเมินอาการผิดปกติของพืชที่เกิดจากเชื้อสาเหตุโรคพืช ผู้เข้ารับการประเมินมีทักษะและองค์ความรู้ในการอธิบายข้อปฏิบัติสำหรับผู้รับจ้างพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืชได้ครอบคุลมตามหลักการปฏิบัติงานของโดรนเพื่อการเกษตร และเข้าใจวิธีการสำรวจเชื้อสาเหตุโรคพืช สามารถอธิบายอาการผิดปกติของพืชจากการเข้าทำลายของเชื้อสาเหตุโรคพืชได้ และนำข้อมูลที่ได้ไปใช้สำหรับการตัดสินใจเลือกใช้สารเคมีให้ตรงกับเชื้อสาเหตุโรคพืชที่สำรวจพบในแปลงเกษตรได้อย่างถูกต้อง



 



เรื่องการประเมินอาการผิดปกติของพืชที่เกิดจากแมลงศัตรูพืช ผู้เข้ารับการประเมินมีทักษะและองค์ความรู้ในการอธิบายข้อปฏิบัติสำหรับผู้รับจ้างพ่นสารป้องกันกำจัดแมลงและไรศัตรูพืชได้ครอบคลุมตามหลักการปฏิบัติงานของโดรนทางการเกษตร และเข้าใจวิธีการสำรวจชนิดของแมลงและไรศัตรูพืช สามารถอธิบายถึงอาการผิดปกติของพืชจากการเข้าทำลายของแมลงและไรศัตรูพืชได้ และนำข้อมูลที่ได้ไปใช้สำหรับการตัดสินใจเลือกใช้สารเคมีให้ตรงกับแมลงและไรศัตรูพืชที่สำรวจพบในแปลงเกษตรได้อย่างถูกต้อง



 



เรื่องการประเมินชนิดวัชพืชที่ระบาด ผู้เข้ารับการประเมินมีทักษะและองค์ความรู้ในการอธิบายข้อปฏิบัติสำหรับผู้รับจ้างพ่นสารกำจัดวัชพืชได้ครอบคลุมตามหลักการปฏิบัติงานของโดรนทางการเกษตร และเข้าใจวิธีการสำรวจชนิดของวัชพืช สามารถระบุชนิดของวัชพืชที่ระบาดภายในแปลง และนำข้อมูลที่ได้ไปใช้สำหรับการตัดสินใจเลือกใช้สารเคมีให้ตรงกับวัชพืชที่สำรวจพบในแปลงเกษตรได้อย่างถูกต้อง



 (ข) คำอธิบายรายละเอียด



 



การอธิบายข้อปฏิบัติสำหรับผู้รับจ้างพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืช



ข้อปฏิบัติสำหรับผู้รับจ้างพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืช มีข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้



1) กำหนดวัตถุประสงค์ของการฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืช การฉีดพ่นเพื่อป้องกันการเข้าทำลายของเชื้อสาเหตุโรคพืช ควรเลือกใช้กลุ่มสารออกฤทธิ์แบบป้องกัน ในกรณีที่ตรวจพบพืชในแปลงแสดงอาการผิดปกติจากการเข้าทำลายของเชื้อสาเหตุโรคพืช อาจเลือกใช้กลุ่มสารออกฤทธิ์แบบดูดซึม เพื่อยับยังการระบาดของเชื้อสาเหตุโรคพืช



2) กำหนดช่วงระยะการเจริญเติบโตของพืชและช่วงเวลาที่ควรเริ่มทำการฉีดพ่นสารเพื่อป้องกันการเข้าทำลายของเชื้อสาเหตุโรคพืช กรณีมีวัตถุประสงค์ในการฉีดพ่นสารกลุ่มออกฤทธิ์แบบป้องกัน



3) เลือกใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืชได้ตรงกับอาการผิดปกติของพืชที่เกิดจากการเข้าทำลายของเชื้อสาเหตุโรคพืช



4) ปฏิบัติตามข้อแนะนำบนฉลากสารป้องกันกำจัดโรคพืช ได้แก่ การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันขณะผสมสารและขณะฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืช ผสมสารในอัตราส่วนที่ฉลากแนะนำ จัดเก็บบรรจุภัณฑ์สารตามที่ฉลากแนะนำ



5) เลือกใช้อุปกรณ์พ่นสารและปรับแรงดัน เพื่อให้ได้ขนาดละอองสารที่เหมาะสมและครอบคลุมพื้นที่ผิวใบของพืช



6) วัดความเร็วและทิศทางลมวัดความเร็วแรงของลมด้วยเครื่องวัดความเร็วลม (Anemometer) ค่าที่วัดได้ต้องไม่เกิน 3 เมตรต่อวินาที หากมีลมแรงหรือมีฝนตก ต้องงดทำการบิน



7) ผู้บังคับโดรนต้องยืนอยู่เหนือลมและอยู่หลังแนวบินเสมอ



8) ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศขณะฉีดพ่นต้องไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์



9) อุณหภูมิที่เหมาะสมในการฉีดพ่นสาร 15 - 30 องศาเซลเซียส ไม่ควรเกิน 38 องศาเซลเซียส



10) การบินโดรนแนะนำให้บินสูง 1.5 - 2.5 เมตร เหนือพืชเป้าหมาย



11) ความเร็วของการบินแนะนำอยู่ที่ 4 - 6 เมตร/วินาที



 



การสำรวจเชื้อสาเหตุโรคพืช



       การสำรวจเชื้อสาเหตุโรคพืช เป็นการสำรวจอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับพืชจากการเข้าทำลายของเชื้อสาเหตุโรคพืช ซึ่งเชื้อสาเหตุโรคพืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า นักบินโดรนจึงต้องสังเกตจากอาการที่เกิดขึ้นกับพืช ได้แก่อาการ ใบจุด ไหม้ เน่าเละ เหี่ยว ปม สีผิดปกติ ใบด่าง ใบเหลือง สีซีด แคระแกร็นหรือชะงักการเจริญเติบโต จากนั้นทำการคาดเดาเชื้อสาเหตุจากอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับพืช หรือนำข้อมูลที่ทำการสำรวจมาเปรียบเทียบกับเอกสารอ้างอิงลักษณะอาการผิดปกติบนพืชจากการเข้าทำลายของเชื้อสาเหตุโรคพืช 



 



    การเลือกใช้สารเคมีให้ตรงกับเชื้อสาเหตุโรคพืช



         การเลือกใช้สารเคมีให้ตรงกับเชื้อสาเหตุโรคพืช กรณีที่พบการระบาดของเชื้อสาเหตุโรคพืชในแปลง นักบินโดรนสามารถเลือกใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืชได้ตรงกับข้อมูลที่ได้มีการสำรวจเชื้อสาเหตุโรคพืชภายในแปลง ซึ่งการแบ่งประเภทของสารป้องกันกำจัดโรคพืชสามารถแบ่งกลุ่มได้ตามชนิดเชื้อสาเหตุโรคพืชได้แก่



1) สารป้องกันกำจัดเชื้อรา



2) สารป้องกันกำจัดแบคทีเรีย



3) สารป้องกันกำจัดไส้เดือนฝอย



และแบ่งกลุ่มตามคุณสมบัติการแทรกซึมของสารในพืช ได้แก่



                   1) สารประเภทไม่ดูดซึม (non-systemic) หรือประเภทสัมผัส (contact) สารในกลุ่มนี้เมื่อพ่นลงบนต้นพืชจะปกคลุมผิวภายนอกพืช สารจะคงอยู่เพียงผิวพืชและกำจัดเชื้อที่อยู่บนผิวภายยอกเท่านั้นไม่ดูดซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อด้านในพืช จึงยับยั้งเชื้อสาเหตุโรคพืชบริเวณที่สัมผัสโดยตรง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพ่นสารเหล่านี้ซ้ำหลายครั้ง เพื่อป้องกันส่วนของพืชที่เจริญเข้ามาใหม่ และทดแทนสารที่พ่นไปแล้วถูกชะล้างไปโดยน้ำฝนหรือน้ำที่ใช้รด หรือการสูญสลายไปด้วยปัจจัยทางสภาพแวดล้อม เช่น แสงแดด



                   2) สารประเภทดูดซึม (systemic) สารเคมีชนิดนี้เมื่อพ่นลงบนพืชแล้วจะถูกดูดซึมเข้าไปในเนื้อเยื่อพืช และอาจยังคงมีประสิทธิภาพกำจัดโรคพืชได้หลังจากพืชถูกเชื้อสาเหตุโรคพืชเข้าทำลายแล้ว สารในกลุ่มนี้จึงใช้ทำลายหรือยับยั้งการเจริญของเชื้อสาเหตุโรคพืชที่อยู่ภายในต้นพืช



การอธิบายข้อปฏิบัติสำหรับผู้รับจ้างพ่นสารป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช



   ข้อปฏิบัติสำหรับผู้รับจ้างพ่นสารป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช รวมถึงไรศัตรูพืช มีข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้



1) สำรวจชนิดของแมลงที่ระบาดภายในแปลงและสถานการณ์การระบาดของแมลงศัตรูพืช



2) เลือกใช้สารป้องกันกำจัดแมลง ได้ตรงกับชนิดที่สำรวจพบในแปลง



3) ปฏิบัติตามข้อแนะนำบนฉลากสารป้องกันกำจัดแมลง ได้แก่ การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันขณะผสมสารและขณะฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดแมลง ผสมสารในอัตราส่วนที่ฉลากแนะนำ จัดเก็บบรรจุภัณฑ์สารตามที่ฉลากแนะนำ



4) เลือกใช้อุปกรณ์พ่นสารและปรับแรงดัน เพื่อให้ได้ขนาดละอองสารที่เหมาะสมและครอบคลุมโดนตัวแมลง



5) วัดความเร็วและทิศทางลมวัดความเร็วแรงของลมด้วยเครื่องวัดความเร็วลม (Anemometer) ค่าที่วัดได้ต้องไม่เกิน 3 เมตรต่อวินาที หากมีลมแรงหรือมีฝนตก ต้องงดทำการบิน



6) ผู้บังคับโดรนต้องยืนอยู่เหนือลมและอยู่หลังแนวบินเสมอ



7) ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศขณะฉีดพ่นต้องไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์



8) อุณหภูมิที่เหมาะสมในการฉีดพ่นสาร 15 - 30 องศาเซลเซียส ไม่ควรเกิน 38 องศาเซลเซียส



9) การบินโดรนแนะนำให้บินสูง 1.5 - 2.5 เมตร เหนือพืชเป้าหมาย



10) ความเร็วของการบินแนะนำอยู่ที่ 4 - 6 เมตร/วินาที  



 



การสำรวจชนิดของแมลงศัตรูพืช



          การสำรวจชนิดของแมลงศัตรูพืช รวมถึงไรศัตรูพืช เป็นการสำรวจเพื่อระบุชนิดของแมลง และระยะเจริญพันธุ์ของแมลง ซึ่งสามารถแบ่งชนิดของแมลงศัตรูพืชออกตามลักษณะการทำลายพืชดังนี้



1) แมลงจำพวกกัดกินใบ (leaf feeder)



2) แมลงจำพวกดูดกินน้ำเลี้ยง (juice sucker)



3) แมลงจำพวกหนอนชอนใบ (leaf minor)



4) แมลงจำพวกหนอนเจาะลำต้น (stem borer)



5) แมลงจำพวกกัดกินราก (root feeder)



6) แมลงจำพวกที่ทำให้เกิดปุุมปม (gall maker)



 



การเลือกใช้สารเคมีให้ตรงกับชนิดของแมลงศัตรูพืช



   การเลือกใช้สารเคมีให้ตรงกับแมลงศัตรูพืช รวมถึงไรศัตรูพืช สำหรับการใช้งานร่วมกับโดรนจะมุ่งเน้นไปที่การฉีดพ่น ซึ่งการที่นักบินโดรนจะสามารถเลือกใช้สารป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชได้ตรงกับชนิดของแมลงนั้น นักบินโดรนจำเป็นต้องใช้ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจแมลงภายในแปลงเกษตร เพื่อนำมาเทียบกับข้อมูลอ้างอิงชนิดแมลงและสารเคมีที่ควรเลือกใช้ ซึ่งกลุ่มสารที่เข้าทำลายแมลงและไรที่เหมาะสมนำมาใช้กับโดรนทางการเกษตร ได้แก่



1) สารประเภทกินตาย (Stomach poison) พ่นสารที่ต้นพืชแล้วแมลงได้รับสารโดยการกัดกินหรือดูดกินพืช



2) สารประเภทสัมผัสหรือถูกตัวตาย (Contact poison) พ่นสารถูกตัวแมลงแล้วสารซึมผ่านทางผิวหนัง ผนังลำตัว หรือเข้าทางท่อหายใจของแมลง



3) สารประเภทดูดซึม (Systemic poison) สารในกลุ่มนี้มีคุณสมบัติซึมเข้าทางราก ลำต้น หรือใบพืช แล้วเข้าสู่ท่อน้ำท่ออาหารของต้นพืช สารเข้าสู่แมลงโดยการกัดกินหรือดูดกิน



 



การอธิบายข้อปฏิบัติสำหรับผู้รับจ้างพ่นสารกำจัดวัชพืช



   ข้อปฏิบัติสำหรับผู้รับจ้างพ่นสารสารกำจัดวัชพืช มีข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้



1) สำรวจชนิดของวัชพืชที่ระบาดภายในแปลง



2) เลือกใช้สารกำจัดวัชพืช ได้ตรงกับชนิดที่สำรวจพบในแปลง



3) ปฏิบัติตามข้อแนะนำบนฉลากสารกำจัดวัชพืช ได้แก่ การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันขณะผสมสารและขณะฉีดพ่นสารกำจัดวัชพืช ผสมสารในอัตราส่วนที่ฉลากแนะนำ จัดเก็บบรรจุภัณฑ์สารตามที่ฉลากแนะนำ



4) เลือกใช้อุปกรณ์พ่นสารและปรับแรงดัน เพื่อให้ได้ขนาดละอองสารที่เหมาะสมและครอบคลุมโดนวัชพืช



5) วัดความเร็วและทิศทางลมวัดความเร็วแรงของลมด้วยเครื่องวัดความเร็วลม (Anemometer) ค่าที่วัดได้ต้องไม่เกิน 3 เมตรต่อวินาที หากมีลมแรงหรือมีฝนตก ต้องงดทำการบิน



6) ผู้บังคับโดรนต้องยืนอยู่เหนือลมและอยู่หลังแนวบินเสมอ



7) ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศขณะฉีดพ่นต้องไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์



8) อุณหภูมิที่เหมาะสมในการฉีดพ่นสาร 15 - 30 องศาเซลเซียส ไม่ควรเกิน 38 องศาเซลเซียส



9) การบินโดรนแนะนำให้บินสูง 1.5 - 2.5 เมตร เหนือพืชเป้าหมาย



10) ความเร็วของการบินแนะนำอยู่ที่ 4 - 6 เมตร/วินาที



 



การสำรวจชนิดของวัชพืช



     การสำรวจชนิดของวัชพืช เป็นการสำรวจเพื่อจำแนกหรือแบ่งประเภทของวัชพืช ซึ่งจำแนกตามลักษณะของลำต้น ใบ สำหรับงานผู้ให้บริการโดรนทางการเกษตรประเภทของวัชพืชที่พบเป็นส่วนมาก ได้แก่ 



1) วัชพืชประเภทใบแคบ (Narrow leafed weeds) เป็นวัชพืชวงศ์หญ้า



2) วัชพืชประเภทใบกว้าง (Broad leafed weeds) ส่วนมากเป็นพืชใบเลี้ยงคู่



3) วัชพืชประเภทกก (Sedge)



 



 



การเลือกใช้สารกำจัดวัชพืชได้ตรงกับชนิดของวัชพืช



      การเลือกสารกำจัดวัชพืช มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้คลุมวัชพืช คือการพ่นสารกำจัดวัชพืชลงบนดิน เพื่อให้สารเคมีเข้าทำลายหรือยับยั้งส่วนของวัชพืชที่อยู่ในดิน เช่น เมล็ด ราก และยอดอ่อน หรือเพื่อใช้ฆ่าวัชพืช คือการพ่นสารลงบนใบ ซึ่งสารเคมีจะถูกดูดซึมพร้อมกับการเคลื่อนย้ายไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืช หรือดูดซึมเฉพาะจุด (สารไม่เคลื่อนย้าย) โดยสารกำจัดวัชพืชสามารถแบ่งประเภทตามลักษณะการใช้ และการเลือกทำลาย ได้ดังนี้



      1) จำแนกตามลักษณะการใช้กับพืช แบ่งได้ 2 ประเภท ได้แก่



              1.1) ประเภทใช้ทางใบ (foliar applied herbicides) สารกำจัดวัชพืชประเภทนี้จะเข้าสู่พืชทางใบหรือทางยอด โดยการพ่นไปที่ต้นวัชพืช ใช้ก่อนปลูกพืชประธานหรือหลังปลูกพืชประธานไปแล้ว แบ่งได้ 2 ประเภท คือ 



                        1.1.1) ประเภทสัมผัส (Contact herbicides) สารกำจัดวัชพืชประเภทนี้จะทำลายพืชเฉพาะส่วนบริเวณที่ได้รับสาร



                        1.1.2) ประเภทดูดซึม (systemic herbicides) สารกำจัดวัชพืชประเภทนี้ เมื่อเข้าสู่ต้นพืชแล้วจะเคลื่อนย้ายไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืช ทำให้ส่วนของพืชถูกทำลาย



              1.2) ประเภทใช้ทางดิน (soil app;ied herbicides) สารกำจัดวัชพืชประเภทนี้จะเข้าทางรากหรือยอดอ่อนขณะกำลังงอก ใช้ก่อนปลูกพืชประธาน (pre-planting) หรือพ่นทันทีหลังปลูกพืชประธานแล้วก่อนวัชพืชงอก (pre-emergence)



      2) สารกำจัดวัชพืชประเภทเลือกทำลาย (selective herbicides) เป็นสารกำจัดวัชพืชที่ทำลายพืชบางชนิด โดยไม่มีผลต่อพืชอีกหลายชนิด หรือไม่ทำลายพืชปลูก



              ดังนั้นการเลือกใช้สารกำจัดวัชพืช จึงต้องทราบวัตถุประสงค์ของการฉีดพ่น และชนิดของวัชพืช ว่าต้องการฉีดเพื่อยับยั้งส่วนของวัชพืชที่อยู่ในดิน หรือเพื่อกำจัดวัชพืชที่เจริญอยู่เหนือดิน โดยไม่ส่งผลเสียต่อพืชประธานหรือพืชที่ต้องการเพาะปลูก 


16. หน่วยสมรรถนะร่วม (ถ้ามี)
N/A

17. อุตสาหกรรมร่วม/กลุ่มอาชีพร่วม (ถ้ามี)
N/A

18. รายละเอียดกระบวนการและวิธีการประเมิน (Assessment Description and Procedure)

รายละเอียดกระบวนการ เครื่องมือและเกณฑ์การประเมินอยู่ในคู่มือการประเมินสมรรถนะ ซึ่งมีเครื่องมือประเมินได้แก่



1. ประเมินจากการสอบข้อเขียน



2. ประเมินความสามารถในการทำงานจากการสัมภาษณ์



3. ประเมินจากสาธิตการปฏิบัติงาน



ยินดีต้อนรับ