หน่วยสมรรถนะ

หน่วยสมรรถนะ

เตรียมการก่อนการบินโดรนทางการเกษตร

สาขาวิชาชีพเกษตรกรรม


รายละเอียดหน่วยสมรรถนะ


1. รหัสหน่วยสมรรถนะ ARC-SPNB-1052A

2. ชื่อหน่วยสมรรถนะ เตรียมการก่อนการบินโดรนทางการเกษตร

3. ทบทวนครั้งที่ /

4. สร้างใหม่ ปรับปรุง

5. สำหรับชื่ออาชีพและรหัสอาชีพ (Occupational Classification)
N/A
1 8341 ผู้ควบคุมเครื่องจักรโรงงานชนิดเคลื่อนที่ได้ที่ใช้ในด้านการเกษตรและป่าไม้

6. คำอธิบายหน่วยสมรรถนะ (Description of Unit of Competency)
ผู้ที่มีสมรรถนะเตรียมการก่อนการบินโดรนทางการเกษตร ต้องมีทักษะและความรู้ ในการเตรียมความพร้อมของโดรนได้ถูกต้องตามข้อกำหนดและตรวจสอบความพร้อมของสถานที่ เพื่อความปลอดภัยก่อนการปฏิบัติการบินโดรนทางการเกษตร

7. สำหรับระดับคุณวุฒิ
1 2 3 4 5 6 7 8

8. กลุ่มอาชีพ (Sector)
ผู้ให้บริการโดรนทางการเกษตร (Drone services for agriculture provider)

9. ชื่ออาชีพและรหัสอาชีพอื่นที่หน่วยสมรรถนะนี้สามารถใช้ได้ (ถ้ามี)
N/A

10. ข้อกำหนดหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง (Licensing or Regulation Related) (ถ้ามี)
10.1 พระราชบัญญัติการเดินอากาศ (แบบที่ 14) พ.ศ. 2542 10.2 หลักเกณฑ์การขออนุญาตและเงื่อนไขในการบังคับ หรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินประเภทอากาศยานที่ควบคุมจากภายนอก พ.ศ. 255810.3 ประกาศ กสทช. เรื่องเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ สำหรับอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน สำหรับใช้งานเป็นการทั่วไป10.4 พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 256210.5 (ร่าง) ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง หลักเกณฑ์การขออนุญาตและเงื่อนไขในการบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอกที่มีน้ำหนักเกิน 25 กิโลกรัม (ที่ใช้ในปัจจุบัน)10.6 จรรยาบรรณสำหรับผู้ค้าวัตถุอันตรายทางการเกษตรและการใช้สารกำจัดศัตรูพืชอย่างปลอดภัย10.7 มาตรการควบคุม ตรวจสอบ กำกับ ดูแล วัตถุอันตราย ปุ๋ย และพันธุ์พืช10.8 ข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน ฉบับที่ 94 ว่าด้วยกฎจราจรทางอากาศ

11. สมรรถนะย่อยและเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Elements and Performance Criteria)
หน่วยสมรรถนะย่อย (EOC) เกณฑ์ในการปฏิบัติงาน (Performance Criteria) รหัส PC
(ตามเล่มมาตรฐาน)
รหัส PC
(จากระบบ)
A111

ประเมินพื้นที่ก่อนการบินโดรนได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

1. อธิบายข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องก่อนการบินโดรน 

A111.01 215569
A111

ประเมินพื้นที่ก่อนการบินโดรนได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

2. อธิบายข้อห้ามก่อนการบินโดรน

A111.02 215570
A111

ประเมินพื้นที่ก่อนการบินโดรนได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

3. ตรวจสอบพื้นที่เพื่อความปลอดภัย

A111.03 215571
A112

เตรียมความพร้อมของโดรนได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

1. ตรวจสอบโครงสร้างและอุปกรณ์หลัก

A112.01 215572
A112

เตรียมความพร้อมของโดรนได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

2.ตรวจสอบอุปกรณ์ต่อพ่วง 

A112.02 215573
A112

เตรียมความพร้อมของโดรนได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

3.ตั้งพารามิเตอร์การบินในระบบบังคับมือ

A112.03 215574
A112

เตรียมความพร้อมของโดรนได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

4.ทดลองบินโดรน

A112.04 215575
A113

เตรียมสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ธาตุอาหารพืช
สารควบคุมการเจริญเติบโตพืช ได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

1.อธิบายข้อปฏิบัติสำหรับผู้รับจ้างพ่นและเทคนิคการพ่นสารกำจัดศัตรูพืช

A113.01 215576
A113

เตรียมสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ธาตุอาหารพืช
สารควบคุมการเจริญเติบโตพืช ได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

2.อธิบายวิธีการจัดการที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยในการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร

A113.02 215577
A113

เตรียมสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ธาตุอาหารพืช
สารควบคุมการเจริญเติบโตพืช ได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

3.คำนวณปริมาณการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ธาตุอาหารพืช หรือสารควบคุมการเจริญเติบโตพืชเพื่อฉีดพ่น

A113.03 215578
A113

เตรียมสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ธาตุอาหารพืช
สารควบคุมการเจริญเติบโตพืช ได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

4.ผสมสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ปุ๋ย หรือสารควบคุมการเจริญเติบโตพืชเพื่อฉีดพ่น

A113.04 215579
A113

เตรียมสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ธาตุอาหารพืช
สารควบคุมการเจริญเติบโตพืช ได้ถูกต้องตามข้อกำหนด

5.คำนวณปริมาณการใช้ธาตุอาหารพืช หรือเมล็ดพันธุ์พืชเพื่อหว่าน

A113.05 215580

12. ความรู้และทักษะก่อนหน้าที่จำเป็น (Pre-requisite Skill & Knowledge)

1. มีทักษะในการฟัง พูด อ่าน เขียน



2. มีความรู้ในเรื่องประเภทของโดรน



3. เข้าใจการทำงานของรีโมตฯ ควบคุม



4. เข้าใจข้อกำหนดกฎหมายในการเลือกสถานที่บินโดรน



5. ทราบขั้นตอนในการตรวจสอบปัจจัยให้พร้อม และถูกต้องก่อนขึ้นบิน



6. มีทักษะในการควบคุมโดรนขึ้นบินลงจอดอย่างปลอดภัย


13. ทักษะและความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge)

(ก) ความต้องการด้านทักษะ

1. สามารถสื่อสารกับทีมงาน



2. สามารถควบคุมการทำงานของรีโมตฯ ควบคุมโดรน



3. สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎหมายในการบินโดรน



4. สามารถบินโดรนปฏิบัติงานในแปลงเกษตรได้อย่างปลอดภัย



5. สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าขณะบินโดรนได้

(ข) ความต้องการด้านความรู้

1. ความรู้พื้นฐานทางด้านภาษาไทย และภาษาอังกฤษ



2. ความรู้ในประเภทของโดรน



3. ความรู้ในการควบคุมการทำงานของรีโมตฯ ควบคุมโดรน



4. ความรู้ในข้อกำหนดกำหมายในการบินโดรน



5. ความในการปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัย



6. ความรู้ในการแก้ไขปัญหากรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน


14. หลักฐานที่ต้องการ (Evidence Guide)

(ก) หลักฐานการปฏิบัติงาน (Performance Evidence) อาทิ



ผลจากการสอบสัมภาษณ์



ผลจากการประเมินแฟ้มสะสมผลงาน



ผลจากการประเมินสาธิตการปฏิบัติงาน



(ข) หลักฐานความรู้ (Knowledge Evidence)



ผลการสอบข้อเขียน



(ค) คำแนะนำในการประเมิน



N/A



(ง) วิธีการประเมิน



สอบข้อเขียน



ประเมินแฟ้มสะสมผลงาน



สอบสัมภาษณ์



ประเมินสาธิตการปฏิบัติงาน


15. ขอบเขต (Range Statement)

(ก) คำแนะนำ



 



เรื่องการประเมินพื้นที่ก่อนการปฏิบัติงาน ผู้เข้ารับการประเมินสามารถแสดงทักษะและองค์ความรู้ โดยสามารถอธิบายข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องก่อนการบินโดรน ข้อห้ามก่อนการบินโดรน และวิธีตรวจสอบพื้นที่เพื่อความปลอดภัยก่อนนำโดรนขึ้นบินปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์และสถาพแวดล้อมที่ปฏิบัติงาน



 



เรื่องการเตรียมความพร้อมของโดรน ผู้เข้ารับการประเมินต้องสามารถตรวจสอบโครงสร้างและอุปกรณ์หลัก รวมไปถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงของโดรนได้อย่างถูกหลักความปลอดภัยตามคู่มือของโดรนแต่ละรุ่น สามารถตั้งค่าพารามิเตอร์การบินในระบบบังคับมือได้อย่างเหมาะสมตามคำแนะนำด้านความปลอดภัย เมื่อทดลองบินโดรนพบว่าโดรนมีการตอบสนองต่อรีโมทควบคุมโดยเฉพาะคันบังคับได้อย่างเป็นปกติ



 



เรื่องการเตรียมสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ธาตุอาหารพืช สารควบคุมการเจริญเติบโตพืช หรือเมล็ดพันธุ์พืช ผู้เข้ารับการประเมินจะได้รับโจทย์เสมือนการได้รับโจทย์จากผู้ว่าจ้างที่เตรียมสารหรือนำวัตถุทางการเกษตรมาให้นักบินโดรนได้ปฏิบัติงาน ทั้งนี้นักบินโดรนควรมีองค์ความรู้ในการสามารถอธิบายข้อปฏิบัติสำหรับผู้รับจ้างพ่น เทคนิคการพ่นสารกำจัดศัตรูพืช และวิธีการจัดการที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยในการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรเป็นการเฉพาะ เมื่อได้รับตัวอย่างสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ธาตุอาหารพืข สารควบคุมการเจริญเติบโตพืช หรือเมล็ดพันธุ์พืช นักบินโดรนสามารถคำนวณและผสมในอัตราที่ต้องใช้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับขนาดของพื้นที่ หรือชนิดของพืช



 



 



 



 



 



(ข) คำอธิบายรายละเอียด



 



                การอธิบายข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องก่อนการบิน  



                    สำหรับโดรนเพื่อการเกษตร ในการนำโดรนขึ้นนักบินทุกคนจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้



1) บินโดรนให้อยู่ในระยะสายตา



2) ทำการบินโดรนในช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนด คือตั้งแต่ช่วงพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก



3) ห้ามบินโดรนในพื้นที่ที่กำหนด ได้แก่ เขตชุมชน เขตพระราชฐาน เขตราชการ



4) ห้ามบินเกินความสูง 90 เมตร



5) บินห่างจากอาคารและสิ่งปลูกสร้างอย่างน้อย 30 เมตร



6) เตรียมอุปกรณ์ดับเพลิงที่สามารถใช้งานได้ไว้ใกล้ตัวขณะบินโดรน



 



                การอธิบายข้อห้ามที่เกี่ยวข้องก่อนการบิน



                   สำหรับโดรนเพื่อการเกษตร ผู้บินโดรนต้องทราบข้อห้ามหรือพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้ทำการบินโดรน อันได้แก่



1) เขตพระราชฐาน ห้ามบินโดรนในระยะ 19 กิโลเมตร จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและห้ามบิน ในเขตพระราชฐานทุกกรณี



2) สถานที่ราชการ เช่น โรงพยาบาล ค่ายทหาร หรือ อุทยานแห่งชาติ ห้ามบินเข้าไปด้านใน  และระยะแนวราบต้องบินห่างสถานที่นั้น ๆ 30 เมตร ซึ่งต้องทำการขออนุญาตก่อนทุกครั้ง



3) พื้นที่สนามบิน ห้ามบินโดรนเข้าใกล้สนามบินในระยะ 9 กิโลเมตร โดยเด็ดขาด



4) พื้นที่ย่านชุมชม หรือ เขตบ้านของคนอื่น ควรบินให้ห่างจากสิ่งปลูกสร้าง อย่างน้อย 30 เมตร กรณีที่บินในบ้านตัวเอง แต่หันกล้องเข้าไปในบ้านของคนอื่นถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย



                การตรวจสอบพื้นที่เพื่อความปลอดภัย



                   ก่อนเริ่มการบินโดรนควรมีการตรวจสอบพื้นที่ดังต่อไปนี้



      1) ขอบเขตของพื้นที่ปฏิบัติการ ได้แก่ พื้นที่สำหรับบินขึ้น-ลงจอด และพื้นที่สำรองกรณีเกิดเหตุลงจอดฉุกเฉิน ให้มีความปลอดภัยปราศจากสิ่งกีดขวาง



2) ตำแหน่งและความสูงของสิ่งกีดขวาง ได้แก่ สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ ซึ่งต้องตรวจสอบทุกครั้งก่อนนำโดรนขึ้นบินในพื้นที่ปฏิบัติงาน



3) ระมัดระวังระยะห่างความใกล้เคียงของโดรนลำอื่น กรณีแปลงข้างเคียงมีการนำโดรนขึ้นบินปฏิบัติงาน



4) พื้นที่ที่จะปฏิบัติงาน ไม่อยู่ในพื้นที่หวงห้าม พื้นที่จำกัด หรือพื้นที่อันตรายที่ประกาศใน AIP (Aeronautical Information Publication - Thailand หรือ AIP - Thailand)



5) ระวังอันตรายหรือการรบกวนทางวิทยุที่อาจเกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมหรือพื้นที่ที่มีกิจกรรมอันเป็นการส่งคลื่นแม่เหล็กรบกวนการบินโดรน



6) ละเว้นเขตที่อยู่อาศัยและพื้นที่ชุมชม เพื่อป้องกันอันตรายจากสารเคมี หรือโดรนเกิดสูญเสียการควบคุมจนนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุโดรนตกลงพื้น



7) มาตรการรักษาความปลอดภัยในการจำกัดบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าถึงพื้นที่ปฏิบัติการ มีการแจ้งเตือน ติดป้ายประกาศ มีทีมงานผู้ช่วยคอยเฝ้าสังเกตและแจ้งเตือนผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบว่าในบริเวณพื้นที่ปฏิบัติงานจะมีการนำโดรนขึ้นบิน เนื่องจากการปฏิบัติงานอาจมีการพ่นสารเคมีที่เป็นอันตรายแก่ผู้ที่มาสัมผัส หรืออาจเกิดอุบัติเหตุโดรนตกได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้



8) ระดับความสูงและเส้นทางที่จะใช้ในการขึ้นบินในพื้นที่ปฏิบัติการ จะต้องหลุดพ้นจากสิ่งกีดขวาง และไม่บินขึ้นไปสูงเกิน 90 เมตร เมื่อวัดจากระดับความสูงของพื้นดิน



9) การอนุญาตจากเจ้าของพื้นที่หรือผู้ดูแล จะต้องมีหลักฐานการลงลายลักษณ์อักษรหรือเก็บหลักฐานวิดีโอบันทึกบทสนทนาขออนุญาตให้มีการนำโดรนขึ้นบิน เพื่อลดการเกิดข้อพิพาททั้งเจ้าของพื้นที่ปฏิบัติงานและพื้นที่ข้างเคียงการปฏิบัติงาน



10) สภาพแวดล้อมสำหรับการปฏิบัติการบินที่ควรตรวจสอบ ได้แก่ ทัศนวิสัยการมองเห็นภาคพื้นดินพิจารณาความหนาของหมอกและฝุ่นควัน มีการตรวจสอบสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา วัดความเร็วแรงของลมด้วยเครื่องวัดความเร็วลม (Anemometer) ค่าที่วัดได้ต้องไม่เกิน 3 เมตรต่อวินาที



โดยการตรวจสอบพื้นที่เพื่อความปลอดภัยทั้งสิบข้อข้างต้น นักบินโดรนจะต้องควรกรอกแบบตรวจสอบพื้นที่ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยที่จะนำโดรนขึ้นบิน



                    การตรวจสอบโครงสร้างและอุปกรณ์หลัก



                      การตรวจสอบโครงสร้างและอุปกรณ์หลักเป็นการเตรียมความพร้อมของโดรนก่อนการขึ้นบิน โดยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือของโดรนแต่ละรุ่น หรือตามใบตรวจสภาพโดรน (Pre-flight)

ซึ่งโครงสร้างและอุปกรณ์หลัก หมายถึง โครงสร้างและอุปกรณ์หลักที่เป็นแกนหลักที่ใช้สำหรับการบิน ถ้าโดรนขาดโครงสร้างและอุปกรณ์หลักเหล่านี้ จะไม่สามารถทำการบินได้ โดยการออกแบบและพัฒนาโดรนใช้หลักการของอากาศพลศาสตร์ เพื่อให้สามารถลอยตัวได้อย่างสมดุลมากที่สุด รวมถึงการติดตั้งด้วยแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอกนิกส์หรือชิป และซอฟต์แวร์ ไว้ด้านในที่เป็นหัวใจหลักของอุปกรณ์ชนิดนี้ สำหรับวัสดุที่ใช้ในการผลิตโดรนมักเป็นวัสดุเชิงประกอบมีน้ำหนักเบา โดยโครงสร้างและอุปกรณ์หลัก ประกอบไปด้วย



1) กล่องควบคุมอากาศยาน (Flight control) กล่องบอร์ดหรืออุปกรณ์ควบคุมการบิน ตรวจสอบบริเวณฝาครอปบอร์ดได้รับการปิดสนิท เพื่อป้องกันละอองน้ำจากการฉีดพ่น



2) ขาตั้งลงจอด (landing gear) ตรวจสอบน๊อตที่ใช้ยึดขาตั้งกับลำตัวโดรนว่าไม่มีลักษณะชำรุดเสียหาย ขาตั้งลงจอดมีหน้าที่ช่วยรับแรงกระแทกในขณะร่อนลงจอด ช่วยรองรับเครื่องขณะตั้งอยู่บนพื้นดิน และทำให้การจอดของโดรนอยู่ในลักษณะตั้งตรงไม่เอนเอียง ไม่ให้เกิดการกระแทกของแขนใบพัดกับพื้น



3) มอเตอร์และใบพัด (Motor & Propeller) กางแขนใบพัดออกล็อคให้แน่น พร้อมตรวจสอบช่วงข้อต่อของแขนใบพัดให้อยู่ในองศาที่ขนานไปกับแกนลำตัวของโดรนในแนวราบ 180 องศา ตรวจสอบมอเตอร์ไม่มีลักษณะชำรุดเสียหาย ใบพัดได้รับการกางออกทุกตำแหน่ง ช่วงข้อต่อน๊อตทุกตำแหน่งไม่มีลักษณะชำรุด ใบพัดไม่มีลักษณะแตกหัก ซึ่งหน้าที่ของมอเตอร์และใบพัด คือ ช่วยยกโดรนให้บินเหนือพื้นดิน บินอยู่กับที่ และบินเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการควบคุม ความเร็วในการเคลื่อนที่ของโดรนเกิดจากคำสั่งในการเปลี่ยนแปลงความเร็วของมอเตอร์ ฉะนั้นก่อนทำการขึ้นบินต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามอเตอร์ทุกตัวมีการทำงานเป็นปกติและใบพัดได้รับการกางออกทุกตำแหน่ง



4) รีโมทควบคุม (Remote control) ตรวจสอบแบตอเตอรี่ให้มีพลังงาน 85 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป คันบังคับไม่มีลักษณะชำรุดเสียหาย การตอบสนองของปุ่มทำงานได้อย่างเป็นปกติ ทดสอบชุดคำสั่งลงจอดฉุกเฉินทำงานได้อย่างเป็นปกติ



5) ตัวส่งสัญญาณ (Receiver) ทำหน้าที่รับส่งข้อมูลสัญญาณดิจิทัลจากรีโมทควบคุมไปยังโดรน และจากโดรนมายังรีโมทควบคุม ทำการตรวจสอบการเชื่อมต่อของตัวรับส่งสัญญาณ ลักษณะเสาส่งสัญญาณไม่มีลักษณะชำรุดเสียหายมีการติดตั้งเรียบร้อย



6) เข็มทิศ และจีพีเอส (Compass & GPS) ทำหน้าที่นำทางและกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลกผ่านดาวเทียม ตรวจสอบการเชื่อมต่อสัญญาณดาวเทียมควรมีปรากฎการเชื่อมต่อบนหน้าจออย่างน้อย 7 ดวง ส่วนเข็มทิศตามที่ระบุไว้ในคู่มือของโดรนแต่ละรุ่น บางรุ่นควรทำการปรับเทียบเข็มทิศทุกครั้งก่อนการปฏิบัติงาน บางรุ่นจะทำการเทียบเข็มทิศในกรณีสังเกตพบว่าโดรนมีลักษณะบินไม่ตรงกับทิศทางที่กำหนด หรือบินในลักษณะเอียงซ้ายหรือขวา เมื่อพบกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นกับโดรนจึงทำการเทียบเข็มทิศ  



7) แบตเตอรี่ (Battery) ตรวจสอบระดับพลังงานที่บรรจุอยู่ในแบตเตอรี่ให้มีระดับที่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน คือมากกว่า 85% ขึ้นไป



8) เซ็นเซอร์ (Sensor) ทำหน้าที่ตรวจจับอัตราเร่งความเร็ว ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงลักษณะการหมุนทรงตัวเอียงตัว บิดตัว ตลอดจนมีข้อมูลนำเส้นทาง และส่งต่อไปยังระบบควบคุมการบินเพื่อประมวลผล ทำการตรวจสอบเซ็นเซอร์ตามคำแนะนำของโดรนแต่ละรุ่น



                   



การตรวจสอบอุปกรณ์ต่อพ่วง



                   การตรวจสอบอุปกรณ์ต่อพ่วงสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือของโดรนแต่ละรุ่น หรือตามใบตรวจสภาพโดรน (Pre-flight) อุปกรณ์ต่อพ่วง หมายถึง อุปกรณ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ถ้าโดรนขาดอุปกรณ์เหล่านี้ ยังสามารถทำการบินได้ ยกตัวอย่างเช่น



1) สายยางข้อต่อ ทำหน้าที่เชื่อมต่อถังใส่สารเคมีกับหัวฉีดพ่น ก่อนนำโดรนขึ้นบินทำการตรวจสอบการรั่วไหลของสายยางและบริเวณข้อต่อ



2) ถังใส่สาร ทำหน้าที่เป็นภาชนะสำหรับบรรจุสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ปุ๋ยน้ำ หรือสารที่มีลักษณะเป็นของเหลวสำหรับใช้ฉีดพ่น ก่อนการนำโดรนขึ้นบินทำการตรวจสอบการเชื่อมต่อสายแบตเตอรี่เข้ากับปั๊มน้ำ  ตรวจสอบการทำงานของปั๊มน้ำ ตรวจสอบการรั่วไหลของถังสาร



3) ถังหว่าน ทำหน้าที่เป็นภาชนะบรรจุปุ๋ยเม็ด เมล็ดพันธุ์พืช ก่อนการนำโดรนขึ้นบินทำการตรวจสอบการเชื่อมต่อของสายแบตเตอรี่เข้ากับมอเตอร์จานหมุน ตรวจสอบการทำงานของจานหมุน



4) หัวฉีดพ่น ทำหน้าที่ฉีดพ่นสารเคมี ก่อนการขึ้นบนตรวจสอบการทำงานของหัวฉีดพ่นว่าไม่มีการอุดตันของหัวฉีด สามารถพ่นสารของเหลวออกมาได้ครบทุกหัวฉีด



5) กล้องหน้า และไฟหน้า   หน้าที่ของกล้องหน้า คือใช้ถ่ายภาพทัศนวิสัยรอบโดรนในระยะที่กล้องสามารถจับภาพได้ ก่อนการขึ้นบินให้ทำการตรวจสอบว่าบนหน้าจอแท็บเล็ตมีการปรากฎของภาพจากกล้องที่ติดตั้งอยู่รอบตัวโดรน หน้าที่ของไฟหน้า คือใช้ส่องแสงขณะบินโดรนในช่วงเวลากลางคืน ทำการตรวจสอบแสงไฟทุกครั้งก่อนนำโดรนขึ้นบินเพื่อให้กล้องสามารถจับภาพถ่ายได้ชัดเจนในช่วงเวลากลางคืน



6) จอแสดงภาพ ทำหน้าที่แสดงตำแหน่งและพิกัดปัจจุบันของโดรน ในการวาดแปลงหรือทำแผนการบิน จำเป็นต้องอาศัยภาพถ่ายจากดาสเทียมในการระบุเส้นทางของโดรน ดังนั้นก่อนเริ่มบินโดรนจึงต้องตรวจสอบจอแสดงภาพหรือแท็บเล็ตให้สามารถทำงานได้อย่างเนื่อง



 



     การตั้งค่าพารามิเตอร์การบินในระบบบังคับมือ



        การตั้งค่าพารามิเตอร์การบินในระบบบังคับมือ หรือการตั้งค่าการทำงานของโดรนบนหน้าจอรีโมทควบคุมภายในแอปพลิเคชั่นของผู้ผลิตโดรน ยกตัวอย่างรายการที่ควรตรวจสอบของโดรนบางรุ่ดังต่อไปนี้



1) เลือกเปิดโหมดออนไลน์เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลจากโดรนได้ตลอดเวลา หรือเปิดโหมดออฟไลน์กรณีพื้นที่ปฏิบัติงานไม่มีอินเทอร์เน็ต



2) เลือกกำหนดหน่วยพื้นที่ เช่นตารางวา ตารางเมตร เฮกตาร์ ไร่ เอเคอร์ งาน หรือตารางกิโลเมตร



3) เลือกกำหนดหน่วยระยะทาง เช่น เมตร หรือกิโลเมตร



4) เลือกกำหนดหน่วยปริมาตร เช่น ลูกบาศก์เซนติเมตร ลูกบาศก์เมตร หรือลิตร



5) เลือกกำหนดหน่วยความเร็ว เช่น ไมล์ต่อชั่วโมง เมตรต่อวินาที หรือกิโลเมตรต่อชั่วโมง



6) ระบุความเร็วสำหรับบินโดรนในระบบบังคับมือ หรือควบคุมการบินโดรนด้วยตนเอง



7) กำหนดจุดลานจอด เพื่อให้สามารถกดปุ่มกลับบ้านได้อัตโนมัติ รวมถึงระดับการขึ้นบิน-ลงจอดที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากสิ่งกีดขวางที่อยู่รอบแปลง



                การทดลองบินโดรน 



                    การทดลองบินโดรนหรือการการตรวจสอบชุดคำสั่งของโดรนก่อนออกปฏิบัติงานในแปลงเกษตร ทดสอบคันบังทิศทาง โดยกดคันบังคับเบา ๆ และสังเกตการตอบสนองของโดรน ทดสอบปุ่มกลับบ้านอัตโนมัติหรือกลับจุดลานจอดอัตโนมัติ โดยทำการบังคับโดรนให้เคลื่อนตัวบินออกห่างจากจุดลานจอด จากนั้นทำการกดปุ่มกลับบ้านอัตโนมัติ ในลักษณะการทำงานที่ปกติโดรนจะต้องบินกลับมายังจุดลานจอด และลงจอดแบบอัตโนมัติ



 



                การอธิบายข้อปฏิบัติสำหรับผู้รับจ้างพ่นและเทคนิคการพ่นสารกำจัดศัตรูพืช



นักบินโดรนควรทราบข้อปฏิบัติในการพ่นสารกำจัดศัตรูพืช ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้



1) ข้อปฏิบัติระหว่างการบินโดรนพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช



- วัดความเร็วและทิศทางลมวัดความเร็วแรงของลมด้วยเครื่องวัดความเร็วลม (Anemometer) ค่าที่วัดได้ต้องไม่เกิน 3 เมตรต่อวินาที หากมีลมแรงหรือมีฝนตก ต้องงดทำการบิน



- ผู้บังคับโดรนต้องยืนอยู่เหนือลมและอยู่หลังแนวบินเสมอ



- ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศขณะฉีดพ่นต้องไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์



- ปรับแรงดันเพื่อให้ได้ขนาดละอองที่เหมาะสมตามลักษณะการปฏิบัติงาน



- อุณหภูมิที่เหมาะสมในการฉีดพ่นสาร 15 - 30 องศาเซลเซียส ไม่ควรเกิน 38 องศาเซลเซียส



- การบินโดรนแนะนำให้บินสูง 1.5 - 2.5 เมตร เหนือพืชเป้าหมาย



- ความเร็วของการบินแนะนำอยู่ที่ 4 - 6 เมตร/วินาที



2) ข้อปฏิบัติหลังการบินโดรนพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช



- หลีกเลี่ยงการเดินผ่านแปลงปลูกเพื่อลดการสัมผัสกับละอองสาร



- ทำความสะอาดโดรนและอุปกรณ์ผสมสารด้วยการล้างน้ำ 3 ครั้ง



- หลังจากพ่นสาร ต้องถอดชุดป้องกันสาร และทำความสะอาดโดยทันที



- ผู้ปฏิบัติงานต้องทำความสะอาดตนเองทันที โดยเน้นทำความสะอาดบริเวณ ศรีษะ รอบดวงตา ใบหน้าและมือ



- ทำความสะอาดภาชนะบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้ว ด้วยการล้างน้ำ 3 ครั้ง แล้วรวบรวมเก็บนำไปไว้ในจุดทิ้ง ห้ามทิ้งไว้ในแปลง ห้ามเผา หรือนำกลับมาใช้อีก



- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสารถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยมิดชิด ห่างจาก คน อาหาร น้ำดื่ม สัตว์เลี้ยง และบริเวณโดยรอบต้องไม่มีแหล่งความร้อน



                การอธิบายวิธีการจัดการที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยในการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร



                   วิธีการจัดการที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยในการใช้วัตถุอันตรายสำหรับผู้รับจ้างพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชด้วยโดรนเพื่อการเกษตร หมายถึง การเลือกใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชให้ตรงกับศัตรูพืชที่ตรวจพบในแปลง ได้แก่ แมลง และไรศัตรูพืช โรคพืช และวัชพืช หรือเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคพืช และการฉีดคลุมเลนหรือดินเพื่อลดการแพร่ระบาดของวัชพืช ซึ่งก่อนใช้สารเคมีต้องอ่านฉลาก เพื่อทราบรายละเอียดอัตราการใช้สาร ควรปฏิบัติตามข้อแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด และภายหลังการพ่นสารมีวิธีจัดการซากบรรจุภัณฑ์เคมี โดยทำความสะอาดภาชนะบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้ว ด้วยการล้างน้ำ 3 ครั้ง แล้วรวบรวมเก็บนำไปไว้ในจุดทิ้งขยะอันตราย ห้ามทิ้งไว้ในแปลง ห้ามเผา หรือนำกลับมาใช้ซ้ำ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าสารถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยมิดชิด ห่างจาก คน อาหาร น้ำดื่ม สัตว์เลี้ยง และบริเวณโดยรอบต้องไม่มีแหล่งความร้อน



 



                การคำนวณอัตราการผสมสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ธาตุอาหารพืช หรือสารควบคุมการเจริญเติบโตพืชเพื่อฉีดพ่น



                  การคำนวณอัตราส่วนการผสมสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ธาตุอาหารพืช หรือสารควบคุมการเจริญเติบโตพืชเพื่อฉีดพ่น ด้วยโดรนทางการเกษตร นักบินโดรนได้รับโจทย์ให้คำนวณอัตราการใช้สารเคมีตามที่ได้มีการจัดเตรียมไว้ให้เป็นการเฉพาะ เช่น กลุ่มสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ได้แก่ สารป้องกันกำจัดโรคพืช สารป้องกันกำจัดแมลงและไรศัตรูพืช หรือสารกำจัดวัชพืช กลุ่มธาตุอาหารพืชที่อยู่ในรูปของเหลว กลุ่มสารควบคุมการเจริญเติบโตพืช นักบินโดรนจะต้องทำการอ่านฉลากตัวอย่างสารเพื่อคำนวณอัตราการผสมสารที่ต้องการใช้  สำหรับโดรนจัดเป็นการพ่นในอัตราต่ำหรือแบบใช้น้ำน้อย (Low volume) โดยเป็นการลดปริมาณน้ำที่ใช้ผสมลงจากอัตราปกติแต่ปริมาณสารเท่าเดิม ซึ่งอัตราการใช้น้ำจะอยู่ที่ 3.5-20 ลิตรต่อไร่



                  การปฏิบัติงานนักบินสามารถทราบขนาดของพื้นที่ได้จากเจ้าของแปลงหรือผู้ว่าจ้าง หรือทำการใช้โดรนบินปักหมุดวัดพื้นที่ เมื่อเสร็จขั้นตอนของการวาดแผนที่แปลงเกษตรหรือแผนที่การปฏิบัติงานและทำการอัพโหลดข้อมูลแผนที่ โปรแกรมภายในเครื่องรีโมทควบคุมหรือแอปพลิเคชันของโดรนแต่ละรุ่น จะทำการประมวลผลปริมาณการใช้น้ำที่สัมพันธ์กับขนาดของพื้นที่แปลงเกษตรให้อัตโนมัติ ซึ่งสำหรับพืชไร่การคำนวณสารที่ต้องการใช้จะขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่แปลงเกษตร สำหรับพืชสวนการคำนวณอัตราการใช้สารจะขึ้นอยู่กับทรงพุ่มของต้นพืช



                  ยกตัวอย่างการคำนวณสารสำหรับพืชไร่ เมื่อทราบปริมาณน้ำที่ต้องใช้ต่อพื้นที่ทั้งหมดและต่อไร่ นักบินโดรนจะต้องทำการแบ่งผสมสารที่จะใช้ของแต่ละรอบการขึ้นบิน ยกตัวอย่าง เมื่อโปรแกรมในเครื่องประมวลผลได้ว่า พื้น 10 ไร่ จะใช้น้ำอยู่ที่ 50 ลิตร ฉะนั้นพื้นที่ 1 ไร่ จะใช้น้ำหรือมีอัตราการไหลของน้ำอยู่ที่ 5 ลิตร บนฉลากสารเคมีแนะนำให้ใช้ในอัตรา 10-15 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร (น้ำ 20 ลิตร ที่มีการระบุบนฉลากสารเคมีเป็นอัตราส่วนปกติที่ใช้ในการฉีดพ่นต่อไร่ หรือเป็นอัตราส่วนที่ใช้กับเครื่องพ่นสารแบบสะพายหลัง มีขนาดถังละ 20-25 ลิตร สามารถฉีดพ่นได้ 1 ไร่) ฉะนั้นหากต้องการพ่นสารบนเนื้อที่ 10 ไร่ นักนินโดรนจะต้องเตรียมสารอยู่ที่ 100-150 กรัม แบ่งฉีดพ่นรอบแรกและรอบที่สองในปริมาณ 20 ลิตร ซึ่งในน้ำ 20 ลิตรจะต้องเติมสารเคมีประมาณ 40-60 กรัม ตามอัตราการแนะนำปริมาณการใช้สารเคมีที่ระบุไว้บนฉลาก รอบสุดท้ายฉีดพ่นสารปริมาณ 10 ลิตร ซึ่งในน้ำ 10 ลิตรจะต้องเติมสารเคมีประมาณ 20-30 กรัม ฉีดพ่นครบ 3 รอบจึงครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 10 ไร่ และใช้น้ำเป็นตัวนำพาสารเคมีเพียงแค่ 50 ลิตร ทั้งนี้ในการคำนวณควรทราบข้อมูลปริมาณการใช้กับพืชแต่ละชนิดที่นอกเหนือไปจากการใช้ตามคำแนะนำบนฉลาก   



                  ยกตัวอย่างการคำนวณการใช้สารสำหรับพืชสวน เมื่อทราบปริมาณน้ำที่ต้องใช้ต่อหนึ่งต้น หรืออัตราการไหลของน้ำต่อหนึ่งต้น ให้นำอัตราการไหลของน้ำต่อหนึ่งต้นมาคำนวณปริมาณสารที่ต้องเตรียมผสมในแต่ละรอบการขึ้นบิน ตัวอย่างการใช้สารควบคุมการเจริญเติบโตพืช ต้องการควบคุมการออกดอกของมะม่วงน้ำดอกไม้ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางทรงพุ่ม 5 เมตร โดยใช้สาร paclobutrazol 15% WP ต้องใช้สารเท่าใด ตามคำแนะนำให้ใช้กับมะม่วงคือควรใช้ปริมาณสารให้ครอบคุลมเส้นผ่านศูนย์กลางทรงพุ่ม 1 เมตร คือ 6.66 กรัม (6.66 กรัม คือค่าสารออกฤทธิ์ active ingredient หรือ a.i.) ฉะนั้น พืชเป้าหมายมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 5 เมตร ปริมาณสารที่ต้องเตรียมจึงเท่ากับ 33.3 กรัม ดังนั้นการขึ้นบินหนึ่งต้นหนึ่งรอบจะใช้สารอยู่ที่ 33.3 กรัม ทั้งนี้ต้องนึงถึงความสูงของต้นพืชร่วมด้วย โดยทดลองพ่นน้ำเพื่อสังเกตการฟุ้งกระจายของละอองน้ำ จดบันทึกตัวเลขของอัตราการไหลของน้ำ เพื่อนำมาคำนวณปริมาณการใช้สารร่วมกับขนาดพื้นที่ของเส้นผ่านศูนย์กลางทรงพุ่มที่วัดได้ (อัตราการไหลของน้ำ มีสิ่งที่ต้องคำนวณร่วมด้วย คือพลังงานที่ใช้กับแรงดันปั๊มน้ำเพื่อให้ได้ละอองที่กระจายครอบคลุมทั่วทุกส่วนของพืช เพื่อเตรียมสำรองแบตเตอรี่ให้สารมารถปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่อง)  



                การผสมสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ปุ๋ย หรือสารควบคุมการเจริญเติบโตพืชเพื่อฉีดพ่น



                   การผสมสารควรผสมให้เข้ากันก่อนนำไปเทในถังสาร และมีลำดับการผสมสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชดังต่อไปนี้ ลำดับการผสมสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ลำดับที่ 1 ผงผสมน้ำ (WP) ลำดับที่ 2 เม็ดผสมน้ำ (WG) ลำดับที่ 3 เม็ดละลายน้ำ (SG) ลำดับที่ 4 ผงละลายน้ำ (SP) ลำดับที่ 5 สารแขวนลอยเข้มข้น (SC) ลำดับที่ 6 สารเหลวละลายน้ำ (SL) ลำดับที่ 7 สารละลายน้ำมันรูปอิมัลชั่นแขวนลอยในน้ำ (EW) ลำดับที่ 8 สารละลายน้ำรูปอิมัลชั่นเนื้อละเอียดแขวนลอยน้ำ (ME) ลำดับรองสุดท้าย สารละลายน้ำมัน (EC) ลำดับสุดท้าย เติมสารเสริมประสิทธิภาพหรือสารจับใบ



                   สำหรับปุ๋ยน้ำ และสารควบคุมการเจริญเติบโตพืช ลำดับการเติมสารเสริมประสิทธิภาพหรือสารจับใบให้ใส่เป็นลำดับสุดท้ายเสมอ



 



                การคำนวณอัตราการใช้ธาตุอาหารพืช หรือเมล็ดพันธุ์พืชเพื่อหว่าน



                   การคำนวณอัตราส่วนการใช้ธาตุอาหารพืชในรูปแบบปุ๋ยเม็ด หรือเมล็ดพันธุ์พืช ให้ทำการคำนวณอัตราที่ต้องการใช้ต่อพื้นที่แปลงเกษตร ยกตัวอย่าง ในการหว่านปุ๋ย เมื่อวาดพื้นที่แปลงเสร็จเรียบร้อยโดรนจะทำการประมวลผลให้ว่า พื้นที่ที่ทำการวาดแปลงมีจำนวนพื้นที่กี่ไร่ หรือสามารถสอบถามได้จากเจ้าของแปลง เมื่อทราบขนาดของพื้นจึงทำการคำนวณอัตราการใช้ปุ๋ยเม็ดตามคำแนะนำบนฉลาก หรืออัตราการหว่านเมล็ดพันธุ์พืชตามที่มีการแนะนำ ทั้งนี้นักบินโดรนต้องทราบว่าอัตราการไหลหรือการหว่านต่อหนึ่งไร่ต้องใช้ปุ๋ยหรือเมล็ดพันธุ์พืชจำนวนเท่าใด  


16. หน่วยสมรรถนะร่วม (ถ้ามี)
N/A

17. อุตสาหกรรมร่วม/กลุ่มอาชีพร่วม (ถ้ามี)
N/A

18. รายละเอียดกระบวนการและวิธีการประเมิน (Assessment Description and Procedure)

รายละเอียดกระบวนการ เครื่องมือและเกณฑ์การประเมินอยู่ในคู่มือการประเมินสมรรถนะ ซึ่งมีเครื่องมือประเมินได้แก่



1. ประเมินจากการสอบข้อเขียน



2. ประเมินความสามารถในการทำงานจากการสัมภาษณ์



3. ประเมินจากสาธิตการปฏิบัติงาน



ยินดีต้อนรับ