|
ขอบเขต (Range Statement) อธิบายถึงการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับหน่วยสมรรถนะนี้ระบุองค์ประกอบ ในการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการทั่วไปให้มีความเหมาะสม โดยต้องดำเนินงานเป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ มาตรฐาน แผนการดำเนินงาน และนโยบายของเจ้าของสวนยางและผู้ประกอบการสวนยาง ซึ่งต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
(ก) คำแนะนำ
N/A
(ข) คำอธิบายรายละเอียด
1) สารเคมีเร่งน้ำยาง หมายถึง สารเคมีที่เมื่อใช้กับต้นยาง ทำให้ได้ผลผลิตมากขึ้น โดยจะยืดเวลาการไหลของน้ำยางให้นานขึ้น สารเคมีเร่งน้ำยางที่มีประสิทธิภาพในปัจจุบันได้แก่ เอทธิฟอน (ethephon) ซึ่งสามารถปล่อยแก๊ส เอทธิลีน (ethylene) ออกมาช้าๆ หรือการให้แก๊สเอทธิลีนโดยตรงกับต้นยางบริเวณเปลือกที่ใกล้รอยกรีดหรือเจาะ แก๊สเอทธิลีนจะกระจายและซึมเข้าสู่เปลือกชั้นใน เข้าสู่ท่อน้ำยาง ทำให้น้ำยางไหลได้นานขึ้น สำหรับสารเอทธิฟอน ควรใช้ที่ความเข้มข้นต่างๆ ตามช่วงอายุต้นยาง ดังนี้ (1) ต้นยาง อายุ 10-15 ปี ใช้ที่ความเข้มข้น 2.5% (ฝาสีน้ำเงิน) (2) ต้นยาง อายุ 15 ปี-ก่อนโค่น 2-3 ปี ใช้ที่ความเข้มข้น 5% (ฝาสีเขียว) และ (3) ต้นยาง อายุก่อนโค่น 2-3 ปี ใช้ที่ความเข้มข้น 10% (ฝาสีแดง)
2) การตอบสนองของพันธุ์ยางต่างๆ หมายถึง ยางแต่ละพันธุ์ตอบสนองต่อการใช้สารเคมีเร่งน้ำยางแตกต่างกัน ดังนั้นผู้ใช้ จึงควรพิจารณาพันธุ์ยางประกอบด้วย เพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการใช้สารเคมีเร่งน้ำยางสูงสุด การตอบสนองของพันธุ์ยางต่างๆ เป็นดังนี้ พันธุ์ยาง RRIT 226, BPM 1, RRIM 600 ตอบสนองได้สูง พันธุ์ยางสงขลา 36, AVROS 2037, BPM 24, PR 255, RRIC 110, RRIC 121 และ GT 1 ตอบสนองปานกลาง และพันธุ์ยาง RRIT 250, RRIT 251, RRIT 408, PB 235, PB 255, และ PB 260 ตอบสนองต่ำ
3) วิธีการใช้สารเอทธิฟอนกับหน้ากรีดปกติ หมายถึง กรณีต้องการกรีดซ้ำเปลือกงอกใหม่ มี 3 วิธี คือ (1) ทาใต้รอยกรีด (2) หยดในรอยกรีดที่ลอกยางบนรอยกรีดออกแล้ว และ (3) ทาในรอยบากโดยใช้มีดกรีดยางทำแนวบากเป็นร่องตื้นๆ กว้าง 0.5 เซนติเมตร ให้อยู่ต่ำจากแนวรอยกรีด 2.5 เซนติเมตร และ กรณีไม่ต้องการกรีดซ้ำเปลือกงอกใหม่ ให้ใช้สารเอทธิฟอน ทาบริเวณเหนือรอยกรีดให้กว้าง 1.25 เซนติเมตร
4) วิธีการใช้สารเอทธิฟอนกับการกรีดยางหน้าสูงโดยวิธีการกรีดขึ้น มี 2 วิธี คือ (1) ทาในรอยบาก โดยให้รอยบากอยู่สูงกว่าแนวรอยกรีดประมาณ 4-5 เซนติเมตร และ (2) ทาตามแนวตั้ง 3 แถบ ใช้มีดเกาซ์ขูดเปลือกเหนือรอยกรีดตามแนวตั้ง 3 แถบ กว้างแถบละ 1.5 เซนติเมตร ความยาวของแถบเป็นครึ่งหนึ่งของความยาวรอยกรีด แล้วทาสารเอทธิฟอนในแถบทั้ง 3 แถบ
5) วิธีการใช้แก๊สเอทธิลีนกับการกรีดหรือเจาะเปลือกยางหน้าสูง คือ (1) ติดตั้งอุปกรณ์บรรจุแก๊สบริเวณเปลือกที่ต้องการกรีดหรือเจาะ ซึ่งมีอุปกรณ์ 2 แบบ คือ แบบหัวปล่อยแก๊สเชื่อมต่อกับถุงพลาสติกและแบบฝาครอบ (2) บรรจุแก๊สในอุปกรณ์บรรจุ โดยให้แก๊ส 2 ครั้งต่อเดือน และเมื่อใกล้โค่นให้ 3 ครั้งต่อเดือน ควรติดตั้งอุปกรณ์และใช้แก๊สเอทธิลีน ตามคำแนะนำของฉลากผลิตภัณฑ์ ไม่ควรเก็บรักษาแก๊สและใช้แก๊สเมื่ออยู่ใกล้เปลวไฟ ไม่ควรวางไว้กลางแดดหรือใกล้มือเด็ก
6) วิธีการบำรุงรักษาต้นยาง หมายถึง ในระหว่างใช้สารเอทธิฟอนหรือแก๊สเอทธิลีน ควรใส่ปุ๋ยปริมาณเพิ่มเป็นสองเท่าของอัตราปกติโดยแบ่งใส่ประมาณปีละ 4 ครั้งๆละ 0.5 กิโลกรัมต่อต้น จากเดิมใส่ปีละ
2 ครั้งๆละ 0.5 กิโลกรัมต่อต้น ควรจัดทำระบบน้ำควบคู่กับการใส่ปุ๋ย เพื่อเพิ่มความชื้นในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งจะทำให้ต้นยางสามารถใช้ปุ๋ยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ควรไถพรวน ไม่ควรใช้ยาฆ่าหญ้า เพราะเป็นการตัดและทำลายรากฝอยที่มีหน้าที่ดูดหาอาหารให้กับต้นยาง
|