หน่วยสมรรถนะ
ตรวจสอบโลหะมีค่าด้วยเครื่องมือต่างๆ
สาขาวิชาชีพอัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า
รายละเอียดหน่วยสมรรถนะ
1. รหัสหน่วยสมรรถนะ | GEM-SWAN-062B |
2. ชื่อหน่วยสมรรถนะ | ตรวจสอบโลหะมีค่าด้วยเครื่องมือต่างๆ |
3. ทบทวนครั้งที่ | / |
4. สร้างใหม่ | ปรับปรุง |
5. สำหรับชื่ออาชีพและรหัสอาชีพ (Occupational Classification) | |
1. อาชีพนักวิเคราะห์โลหะมีค่า 1 3111 ช่างเทคนิคด้านเคมีและวิทยาศาสตร์กายภาพ 1 7313 ช่างทำเครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ และโลหะมีค่า |
6. คำอธิบายหน่วยสมรรถนะ (Description of Unit of Competency) | |
หน่วยสมรรถนะนี้ใช้กับผู้ปฎิบัติงานในห้องปฏิบัติการตรวจสอบโลหะมีค่า หรือผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบโลหะมีค่าในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ โดยมีการใช้เครื่องมือในการตรวจสอบโลหะมีค่า ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้และทักษะในเรื่องของเครื่องมือตรวจสอบโลหะมีค่า เพื่อที่จะให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถใช้เครื่องมือตรวจสอบโลหะมีค่า และสามารถทำงานตามข้อกำหนดของหน่วยงานได้ |
7. สำหรับระดับคุณวุฒิ |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
---|---|---|---|---|---|---|---|
8. กลุ่มอาชีพ (Sector) | |
กลุ่มวิชาชีพอัญมณีและเครื่องประดับ |
9. ชื่ออาชีพและรหัสอาชีพอื่นที่หน่วยสมรรถนะนี้สามารถใช้ได้ (ถ้ามี) | |
N/A |
10. ข้อกำหนดหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง (Licensing or Regulation Related) (ถ้ามี) | |
N/A |
11. สมรรถนะย่อยและเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Elements and Performance Criteria) |
หน่วยสมรรถนะย่อย (EOC) | เกณฑ์ในการปฏิบัติงาน (Performance Criteria) | รหัส PC (ตามเล่มมาตรฐาน) |
รหัส PC (จากระบบ) |
---|---|---|---|
50020101 ตรวจสอบโลหะมีค่าด้วยเครื่องมือตรวจสอบ |
1. ตรวจสอบโลหะมีค่าตามหลักการของเครื่องมือ |
50020101.01 | 159601 |
50020101 ตรวจสอบโลหะมีค่าด้วยเครื่องมือตรวจสอบ |
2. ปฏิบัติการตามระบบความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตามข้อกำหนดของห้องปฏิบัติการ |
50020101.02 | 159602 |
50020101 ตรวจสอบโลหะมีค่าด้วยเครื่องมือตรวจสอบ |
3. อ่านค่าจากเครื่องมือตรวจสอบโลหะมีค่า |
50020101.03 | 159603 |
50020102 สรุปผลและบันทึกผลการตรวจสอบ |
1. สรุปผลตามแบบ |
50020102.01 | 159605 |
50020102 สรุปผลและบันทึกผลการตรวจสอบ |
2. บันทึกผลการตรวจสอบ |
50020102.02 | 159606 |
12. ความรู้และทักษะก่อนหน้าที่จำเป็น (Pre-requisite Skill & Knowledge) | |
N/A |
13. ทักษะและความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge) | |
(ก) ความต้องการด้านทักษะ 1. สามารถเลือกใช้เครื่องมือตรวจสอบโลหะมีค่าเหมาะสมกับลักษณะของโลหะมีค่าที่ทำการทดสอบ 2. สามารถเตรียมเครื่องมือหรืออุปกรณ์ก่อนการตรวจสอบ 3. สามารถจัดเก็บและบำรุงรักษาเครื่องมือหรืออุปกรณ์ภายหลังการตรวจสอบ 4. สามารถใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ตรวจสอบโลหะมีค่าตามหลักการของเครื่องมือ 5. สามารถอ่านค่าจากเครื่องมือตรวจสอบโลหะมีค่า 6. สามารถสรุปและบันทึกผลการตรวจสอบ (ข) ความต้องการด้านความรู้ 1. ความรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้เครื่องมือตรวจสอบโลหะมีค่าเหมาะสมกับลักษณะของโลหะมีค่าที่ทำการทดสอบ 2. ความรู้เกี่ยวกับการเตรียมเครื่องมือหรืออุปกรณ์ก่อนการตรวจสอบ 3. ความรู้เกี่ยวกับการจัดเก็บและบำรุงรักษาเครื่องมือหรืออุปกรณ์ภายหลังการตรวจสอบ 4. ความรู้เกี่ยวกับการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ตรวจสอบโลหะมีค่าตามหลักการของเครื่องมือ 5. ความรู้เกี่ยวกับการอ่านค่าจากเครื่องมือตรวจสอบโลหะมีค่า 6. ความรู้เกี่ยวกับการสรุปและบันทึกผลการตรวจสอบ |
14. หลักฐานที่ต้องการ (Evidence Guide) | |
หลักฐานที่ต้องการจะกำหนดข้อแนะนำเกี่ยวกับการประเมิน และควรที่จะใช้ประกอบร่วมกันกับเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Performance Criteria) และทักษะและความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge) (ก) หลักฐานการปฏิบัติงาน (Performance Evidence) 1. แสดงการเลือกใช้เครื่องมือตรวจสอบโลหะมีค่าเหมาะสมกับลักษณะของโลหะมีค่าที่ทำการทดสอบ 2. แสดงการเตรียมเครื่องมือหรืออุปกรณ์ก่อนการตรวจสอบ 3. แสดงการจัดเก็บและบำรุงรักษาเครื่องมือหรืออุปกรณ์ภายหลังการตรวจสอบ 4. แสดงการใช้เครื่องมือตรวจสอบโลหะมีค่าอย่างปลอดภัย 5. แสดงการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ตรวจสอบโลหะมีค่าตามหลักการของเครื่องมือ 6. แสดงการอ่านค่าจากเครื่องมือตรวจสอบโลหะมีค่า 7. แสดงการสรุปและบันทึกผลการตรวจสอบ (ข) หลักฐานความรู้ (Knowledge Evidence) 1. อธิบายเกี่ยวกับการเลือกใช้เครื่องมือตรวจสอบโลหะมีค่าเหมาะสมกับลักษณะของโลหะมีค่าที่ทำการทดสอบ 2. อธิบายเกี่ยวกับการเตรียมเครื่องมือหรืออุปกรณ์ก่อนการตรวจสอบ 3. อธิบายเกี่ยวกับการจัดเก็บและบำรุงรักษาเครื่องมือหรืออุปกรณ์ภายหลังการตรวจสอบ 4. อธิบายเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือตรวจสอบโลหะมีค่าอย่างปลอดภัย 5. อธิบายเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ตรวจสอบโลหะมีค่าตามหลักการของเครื่องมือ 6. อธิบายเกี่ยวกับการอ่านค่าจากเครื่องมือตรวจสอบโลหะมีค่า 7. อธิบายเกี่ยวกับการสรุปและบันทึกผลการตรวจสอบ 8. ใบบันทึกผลการทดสอบข้อเขียน 9. ใบบันทึกผลการสัมภาษณ์ (ค) คำแนะนำในการประเมิน ผู้ประเมินตรวจประเมินเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ตรวจสอบโลหะมีค่า โดยพิจารณาจากหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหลักฐานการปฏิบัติงาน และหลักฐานด้านความรู้ (ง) วิธีการประเมิน 1. ข้อสอบข้อเขียน แบบทดสอบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก 2. การสัมภาษณ์ |
15. ขอบเขต (Range Statement) | |
(ก) คำแนะนำ โลหะมีค่า หมายถึง โลหะมีตระกูล (Noble metals) เป็นกลุ่มโลหะที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่าโลหะทั่วไป มีคุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อนและการทำปฏิกริยาออกซิเดชันกับอากาศและน้ำได้ดี ไม่ซีดหรือหมอง โลหะมีค่าที่นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับ มีดังนี้ ทองคำ (Au) เงิน (Ag) แพลทินัม (Pt) แพลเลดียม (Pd) และโรเดียม (Rh) โลหะมีค่าในหน่วยสมรรถนะนี้ อาจอยู่ในรูปของชิ้นโลหะหรือตัวเรือนเครื่องประดับ โดยเป็นโลหะบริสุทธิ์หรือโลหะผสม ผู้เข้ารับการประเมิน ต้องมีความรู้และทักษะในเรื่องของเครื่องมือหรืออุปกรณ์ตรวจสอบโลหะมีค่า ซึ่งเน้นถึงการปฏิบัติในห้องปฏิบัติการตรวจสอบโลหะมีค่า ผู้เข้าประเมินต้องมีความรู้และทักษะที่สำคัญในการใช้เครื่องมือตรวจสอบโลหะมีค่า ได้แก่ หลักการทำงานของเครื่องมือ ข้อจำกัด วิธีการใช้งาน การจัดเก็บ และการดูแลรักษา ในหน่วยสมรรถนะนี้ครอบคลุมเครื่องมือและเทคนิคการตรวจสอบโลหะมีค่า จำนวน 4 เทคนิค ได้แก่
สมรรถนะนี้ มีรายละเอียด ขั้นตอน วิธีการตรวจสอบโลหะมีค่า โดยใช้ข้อมูลเป็นแนวทางในการกำหนดสมรรถนะ ดังนี้
(ข) คำอธิบายรายละเอียด สมรรถนะนี้ ครอบคลุมเครื่องมือและเทคนิคการตรวจสอบโลหะมีค่า ดังนี้ เทคนิค Potentiometric titration ด้วยเครื่องไทเทรตอัตโนมัติ เป็นการวิเคราะห์ปริมาณเงิน (Ag) ในเครื่องประดับโลหะเงินผสม (Silver jewellery alloys) โดยใช้วิธีการละลายตัวอย่างของเครื่องประดับในสารละลายกรดไนตริก (Dilute nitric acid) เพื่อวิเคราะห์หาปริมาณโลหะเงิน โดยการใช้วิธีการไทเทรตสารละลายตัวอย่างกับสารละลายโพแทสเซียมโบรไมด์มาตรฐาน (Standard potassium bromide solution) แบบวัดค่าการเปลี่ยนแปลงของแรงเคลื่อนประจุไฟฟ้า (Potentiometric indication) เทคนิค X-ray Fluorescence Spectroscopy (XRF) เป็นเทคนิคการวิเคราะห์ชนิดของธาตุและปริมาณธาตุในตัวอย่าง การวิเคราะห์ด้วยเทคนิค XRF จะทำให้อิเล็กตรอนหลุดออกจากอะตอม โดยใช้รังสีเอกซ์พลังงานสูงจากหลอดรังสีเอกซ์ (X-ray tube) หรือไอโซโทปรังสี (Radioisotpe) ที่ให้รังสีเอกซ์ รังสีเอกซ์พลังงานสูงจากต้นกำเนิดรังสีเอกซ์แบบไอโซโทปหรือหลอดรังสีเอกซ์ จะตกกระทบตัวอย่าง จะทำให้ธาตุที่อยู่ภายในตัวอย่างปลดปล่อยรังสีเอกซ์จำเพาะของแต่ละธาตุออกมา ซึ่งแสดงผลการวัดเป็นแถบพลังงาน หรือสเปกตรัมของรังสีเอกซ์ เทคนิค Inductively coupled plasma-mass spectrometry (ICP-MS) เป็นวิธีวิเคราะห์หาชนิดและปริมาณธาตุในสารตัวอย่าง โดยมุ่งเน้นสำหรับธาตุที่มีปริมาณน้อยๆ ในระดับส่วนในพันล้านส่วน (ppb) การวิเคราะห์อาศัยหลักการโดยใช้พลังงานจากพลาสมาของแก็ซอาร์กอน เพื่อทำให้ธาตุต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบของตัวอย่างเกิดเป็นอะตอม และเกิดการแตกตัวเป็นไอออนอิสระในสภาวะที่เป็นแก็ซ ไอออนต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะถูกส่งเข้าสู่ระบบแยกมวล เพื่อแยกค่ามวลต่อประจุของไอออน พร้อมทั้งตรวจวัดค่าสัญญาณของจำนวนไอออนของธาตุต่างๆ ซึ่งค่าความเข้มสัญญาณของจำนวนไอออนที่ตรวจวัดได้จะแปรผันตามปริมาณของธาตุในตัวอย่าง วิธี Cupellation method หรือ Fire asssay เป็นวิธีมาตรฐานวิธีหนึ่งที่ใช้หาปริมาณทองคำได้อย่างแม่นยำ เป็นเทคนิคที่นำตัวอย่างทองคำมาผสม และหลอมรวมกับตะกั่วและเงิน เพื่อสกัดเอาโลหะเจือปนอื่นๆ เข้าไปในเบ้าหลอม จากนั้นทำการละลายเอาเงินออกด้วยกรด เพื่อให้เหลือเป็นทองคำบริสุทธิ์ ซึ่งจะนำมาชั่งน้ำหนัก แล้วคำนวณเป็นความบริสุทธิ์ของทองคำในชิ้นงานนั้นๆ |
16. หน่วยสมรรถนะร่วม (ถ้ามี) | |
N/A |
17. อุตสาหกรรมร่วม/กลุ่มอาชีพร่วม (ถ้ามี) | |
N/A |
18. รายละเอียดกระบวนการและวิธีการประเมิน (Assessment Description and Procedure) | |
18.1 เครื่องมือการประเมิน 1. ข้อสอบข้อเขียน แบบทดสอบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก 2. การสอบสัมภาษณ์ ดูรายละเอียดจากคู่มือการประเมิน |