หน่วยสมรรถนะ

หน่วยสมรรถนะ

ประเมินและติดตามอันตรายที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง

สาขาวิชาชีพอาชีวอนามัยและความปลอดภัย


รายละเอียดหน่วยสมรรถนะ


1. รหัสหน่วยสมรรถนะ WPS-ZZZ-5-005ZB

2. ชื่อหน่วยสมรรถนะ ประเมินและติดตามอันตรายที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง

3. ทบทวนครั้งที่ 1 / 2562

4. สร้างใหม่ ปรับปรุง

5. สำหรับชื่ออาชีพและรหัสอาชีพ (Occupational Classification)

อาชีพนักความปลอดภัยในการทำงาน 



6. คำอธิบายหน่วยสมรรถนะ (Description of Unit of Competency)
ผู้ที่ผ่านหน่วยสมรรถนะนี้จะต้องมีความรู้เรื่องอันตรายจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ) ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยตามกฎหมาย และมาตรฐานสากล สามารถเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประเมินจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ) สามารถประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ) และการจัดการความเสี่ยงที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ) รวมไปถึงการติดตามอันตรายความเสี่ยงที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ) 

7. สำหรับระดับคุณวุฒิ
1 2 3 4 5 6 7 8

8. กลุ่มอาชีพ (Sector)
ผู้ปฏิบัติงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย

9. ชื่ออาชีพและรหัสอาชีพอื่นที่หน่วยสมรรถนะนี้สามารถใช้ได้ (ถ้ามี)
N/A

10. ข้อกำหนดหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง (Licensing or Regulation Related) (ถ้ามี)
1.    ระเบียบกรมโรงงานอุตสาหกรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์การชี้บ่งอันตราย การประเมินความเสี่ยงและการจัดทำแผนงานบริหารจัดการความเสี่ยง พ.ศ.2543 2.    กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับที่อับอากาศ พ.ศ. 2562

11. สมรรถนะย่อยและเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Elements and Performance Criteria)
หน่วยสมรรถนะย่อย (EOC) เกณฑ์ในการปฏิบัติงาน (Performance Criteria) รหัส PC
(ตามเล่มมาตรฐาน)
รหัส PC
(จากระบบ)
A305.1 เตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ การประเมินและติดตามที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง

1. ศึกษากฎหมาย มาตรฐานและข้อกำหนดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเกณฑ์ประเมินความเสี่ยง, Risk Matrix และการจัดการระดับความเสี่ยงได้

A305.1.01 147623
A305.1 เตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ การประเมินและติดตามที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง

2. รวบรวมสถิติอุบัติการณ์ที่เคยเกิดจากงานในพื้นที่อับอากาศทั้งภายในบริษัทฯ โรงงานข้างเคียงและแหล่งข้อมูลทั้งภายในและต่างประเทศที่สอดคล้องกับกระบวนการผลิตของบริษัทได้

A305.1.02 147624
A305.1 เตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ การประเมินและติดตามที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง

3. กำหนดเกณฑ์ประเมินความเสี่ยงและการจัดการระดับความเสี่ยงได้

A305.1.03 147625
A305.1 เตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ การประเมินและติดตามที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง

4. จัดทำ Procedure การประเมินความเสี่ยงและติดตามได้

A305.1.04 147626
A305.1 เตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ การประเมินและติดตามที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง

5. จัดทำแบบฟอร์มการประเมินความเสี่ยงได้

A305.1.05 147627
A305.1 เตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ การประเมินและติดตามที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง

6. จัดทำแบบฟอร์มแผนการจัดการความเสี่ยงได้

A305.1.06 147628
A305.1 เตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ การประเมินและติดตามที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง

7. อบรม Procedure การประเมินความเสี่ยงและติดตาม แบบฟอร์มการประเมินความเสี่ยงและแบบฟอร์มแผนการจัดการความเสี่ยงให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้

A305.1.07 147629
A305.1 เตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ การประเมินและติดตามที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง

8. รวบรวมข้อมูลแบบฟอร์มการชี้บ่งอันตรายจากอุปกรณ์ที่เป็นพื้นที่อับอากาศที่อยู่ในกระบวนการผลิตหรือภายในบริษัทจาก UOC 10 ได้

A305.1.08 147630
A305.2 ประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ)

1. วิเคราะห์การให้คะแนนโอกาสการเกิดอันตรายตามเกณฑ์ประเมินความเสี่ยงที่จัดทำไว้ที่สอดคล้องกับสาเหตุการเกิดอันตรายตามแบบฟอร์มการชี้บ่งอันตรายจาก UOC 10 ได้

A305.2.01 147631
A305.2 ประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ)

2. วิเคราะห์การให้คะแนนความรุนแรงหรือผลกระทบตามเกณฑ์ประเมินความเสี่ยงที่จัดทำไว้ที่สอดคล้องกับลักษณะผลกระทบตามแบบฟอร์มการชี้บ่งอันตรายจาก UOC 10 ได้

A305.2.02 147632
A305.2 ประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ)

3. ตรวจสอบระดับความเสี่ยงตามเกณฑ์ Risk Matrix ที่กำหนดไว้ได้

A305.2.03 147633
A305.2 ประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ)

4. บันทึกผลการประเมินความเสี่ยงลงในแบบฟอร์มการประเมินความเสี่ยงได้

A305.2.04 147634
A305.2 ประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ)

5. นำเสนอผลการประเมินความเสี่ยงตามแบบฟอร์มการประเมินความเสี่ยงให้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบได้

A305.2.05 147635
A305.3 ติดตามอันตรายและความเสี่ยงที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ)

1. จัดทำทะเบียนรายการอันตรายและผลประเมินความเสี่ยงได้

A305.3.01 147636
A305.3 ติดตามอันตรายและความเสี่ยงที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ)

2. จัดทำทะเบียนการติดตามความก้าวหน้างานแผนการจัดการความเสี่ยงโดยระบุผู้รับผิดชอบการติดตาม ความถี่และผู้รับผิดชอบแผนได้

A305.3.02 147637
A305.3 ติดตามอันตรายและความเสี่ยงที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ)

3. ติดตามความก้าวหน้างานการดำเนินงานตามแผนการจัดการความเสี่ยงตามความถี่ที่ระบุไว้ได้"

A305.3.03 147638
A305.3 ติดตามอันตรายและความเสี่ยงที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ)

4. ทบทวนและบันทึกผลการประเมินความเสี่ยงเมื่อมีการจัดการความเสี่ยงแล้วลงในแบบฟอร์มการชี้บ่งอันตรายและประเมินความเสี่ยงได้

A305.3.04 147639
A305.3 ติดตามอันตรายและความเสี่ยงที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ)

5. ทบทวนและบันทึกผลเมื่อมีอุบัติการณ์เกิดขึ้นลงในแบบฟอร์มการชี้บ่งอันตรายและประเมินความเสี่ยงได้

A305.3.05 147640
A305.3 ติดตามอันตรายและความเสี่ยงที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ)

6. นำเสนอรายงานผลการติดตามชี้บ่งอันตราย ประเมินความเสี่ยงและการจัดการความเสี่ยงให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบเป็นระยะ ๆ ได้

A305.3.06 147641

12. ความรู้และทักษะก่อนหน้าที่จำเป็น (Pre-requisite Skill & Knowledge)

ผู้เข้ารับการประเมินต้องมีความรู้ด้านด้านกฎหมาย ระเบียบกรมโรงงานอุตสาหกรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์การชี้บ่งอันตราย การประเมินความเสี่ยงและการจัดทำแผนงานบริหารจัดการความเสี่ยง พ.ศ.2543 กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับที่อับอากาศ พ.ศ. 2562


13. ทักษะและความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge)

(ก) ความต้องการด้านทักษะ

1.    ทักษะในการสร้างแบบฟอร์มสำหรับเก็บข้อมูล (Creating data collection forms)

2.    ทักษะในการใช้โปรแกรมการจัดการข้อมูล (Using data management software)

3.    ทักษะในการเป็นผู้นำการวิเคราะห์ความเสี่ยงอย่างละเอียดครอบคลุมทุกด้าน (Leading comprehensive risk assessments)

4.    ทักษะในการประมาณความเสี่ยงต่อสาธารณะ (Estimating public risk)

5.    ทักษะในการใช้สถิติเพื่อประมาณความเสี่ยง (Using statistics to estimate risk)

6.    ทักษะการประเมินแผนระงับเหตุฉุกเฉิน แผนรองรับในภาวะวิกฤติ แผนรองรับเหตุหายนะ (Evaluating emergency/crisis/disaster management and response plans)

7.    การตีความกฎหมายและกฎระเบียบและมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับ (Interpreting local laws, regulations, and consensus codes and standards)

(ข) ความต้องการด้านความรู้

1.    เทคนิคและวิธีการวัด (measurement) การชักตัวอย่าง (sampling) และการวิเคราะห์ (analysis)

2.    แหล่งข้อมูลในการค้นหาอันตราย ภัยคุกคาม (threats) และจุดอ่อน(vulnerabilities) เช่นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรือวิธีการปฏิบัติที่ดีที่สุด (best practices) บทความวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ (published literature)

3.    การหาแหล่งข้อมูลเรื่องอันตราย ภัยคุกคาม (threats) และจุดอ่อน (vulnerabilities)

4.    แหล่งของข้อมูลด้านกฎหมาย กฎระเบียบ มาตรฐานการทำงานที่เป็นที่ยอมรับ (Sources of related to local laws, regulations, and consensus codes and standards) information

5.    ความรู้พื้นฐานวิทยาศาสตร์ กายวิภาค ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ สรีรวิทยา (Basic sciences: anatomy, biology, chemistry, physics, physiology)

6.    ความปลอดภัยภาคเกษตรกรรม รวมทั้งความปลอดภัยด้านการผลิตอาหาร (Agriculture safety - including food supply safety)

7.    ความปลอดภัยของกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมเคมี (Chemical process safety)

8.    ระบบความคุมความปลอดภัย (System safety)

9.    ความรู้ด้านวิธีการและเทคนิคการวัด การชักตัวอย่าง และการวิเคราะห์ผล (Methods and techniques for measurement, sampling, and analysis)"


14. หลักฐานที่ต้องการ (Evidence Guide)

(ก) หลักฐานการปฏิบัติงาน (Performance Evidence)

1. ใบรับรองการปฏิบัติงานจากสถานประกอบการ

(ข) หลักฐานความรู้ (Knowledge Evidence)

1. ใบรับรองการเข้ารับการฝึกอบรม

2. ใบประกาศนียบัตรวุฒิการศึกษา

(ค) คำแนะนำในการประเมิน

1. ผู้ประเมินตรวจประเมินเกี่ยวกับการกำหนดวัตถุประสงค์ทางธุรกิจโดยพิจารณาจากร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหลักฐานการปฏิบัติงาน และหลักฐานความรู้

(ง) วิธีการประเมิน

1. พิจารณาตามหลักฐานการปฏิบัติงาน

2. พิจารณาตามหลักฐานความรู้


15. ขอบเขต (Range Statement)

(ก) คำแนะนำ

1.    ผู้เข้ารับการประเมินสามารถอธิบายความสำคัญการประเมินและติดตามอันตรายอันตรายจากการทำงานที่มีความเสี่ยสูงอันตรายจากการทำงานในพื้นที่อับอากาศ

2.    มีความรู้ความเข้าใจข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับระเบียบกรมโรงงานอุตสาหกรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์การชี้บ่งอันตราย การประเมินความเสี่ยงและการจัดทำแผนงานบริหารจัดการความเสี่ยง พ.ศ.2543

3.    มีความรู้ความเข้าใจข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับที่อับอากาศ พ.ศ. 2562

คำอธิบายรายละเอียด

ผู้เข้ารับการประเมินสามารถแสดงให้เห็นถึงความรู้ด้านการประเมินความเสี่ยงเป็นข้อกำหนดที่สำคัญของมาตรฐานการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย และกฎหมายด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ในสถานประกอบการหรือโรงงานอุตสาหกรรมต้องมีการประเมินความเสี่ยงอย่างถูกต้องและเหมาะสม พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 ในมาตรา มาตรา 32 กำหนดว่า เพื่อประโยชน์ในการควบคุม กำกับ ดูแลการดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ให้นายจ้างดำเนินการดังต่อไปนี้ 

1) จัดให้มีการประเมินอันตราย

2) ศึกษาผลกระทบของสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีผลต่อลูกจ้าง

3) จัดทำแผนการดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานและจัดทำแผนการควบคุมดูแลลูกจ้างและสถานประกอบกิจการ

4) ส่งผลการประเมินอันตราย การศึกษาผลกระทบ แผนการดำเนินงานและแผนการควบคุมตาม (1) (2) และ (3) ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย 

วิธีการ และเงื่อนไขในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ประเภทกิจการ ขนาดของกิจการที่ต้องดำเนินการ และระยะเวลาที่ต้องดำเนินการ ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง นายจ้างจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำและได้รับการรับรองผลจากผู้ชำนาญการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

ข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่าด้วย มาตรฐานการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตและการตรวจประเมินความปลอดภัยกระบวนการผลิต ในนิคมอุตสาหกรรม พ.ศ. 2559 กำหนดในข้อ 29/12 ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องจัดทำการวิเคราะห์อันตรายกระบวนการผลิตทั้งหมด วิธีการวิเคราะห์อันตรายกระบวนการผลิตให้เป็นระบบและเหมาะสมต่อความซับซ้อนของกระบวนการผลิต โดยสามารถชี้บ่ง ประเมิน และควบคุมอันตรายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิต ครอบคลุมถึงการจัดเก็บ การใช้ การผลิต และการขนส่งหรือเคลื่อนย้ายสารเคมีอันตรายร้ายแรงได้ดังต่อไปนี้ 

1) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องลําดับความสำคัญของอันตราย และจัดทำเอกสารสําหรับวิเคราะห์อันตรายกระบวนการผลิต โดยให้พิจารณาจากขอบเขตของอันตรายในกระบวนการผลิต จํานวนพนักงานที่อาจได้รับผลกระทบ อายุการใช้งานของอุปกรณ์ เครื่องจักร และกระบวนการผลิต ตลอดจนประวัติการเดินเครื่องจักรในกระบวนการผลิต 

2) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องใช้อย่างน้อยหนึ่งวิธีตามความเหมาะสม เพื่อชี้บ่งอันตราย วิเคราะห์และประเมินอันตรายกระบวนการผลิต ดังนี้ 

1.    What-if 

2.    Checklist 

3.    What-if/Checklist

4.    Hazard and Operability Study (HAZOP) 

5.    Failure Mode and Effects Analysis (FMEA) 

6.    Fault Tree Analysis 

7.    วิธีอื่นที่เทียบเท่าหรือดีกว่าตามความเหมาะสม 

3) การวิเคราะห์อันตรายกระบวนการผลิตไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม อย่างน้อยจะต้องมีรายละเอียด ดังนี้ 

1.    อันตรายจากกระบวนการผลิตและการทางานที่เกี่ยวข้อง

2.    การชี้บ่งอุบัติการณ์ที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง หรือผลกระทบที่สำคัญต่อพนักงานและสถานประกอบการ 

3.    การควบคุมทางด้านวิศวกรรมและการบริหารจัดการที่ใช้ควบคุมการเกิดอันตราย และสิ่งที่เกี่ยวกับอันตราย เช่น วิธีการที่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการตรวจจับเพื่อเตือนเหตุล่วงหน้า วิธีการในการตรวจจับที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งอาจรวมถึงการเฝ้าระวังกระบวนการผลิต และการควบคุม อุปกรณ์ต่างๆ ด้วยสัญญาณเตือนและอุปกรณ์ในการตรวจจับ เช่น เครื่องตรวจจับไฮโดรคาร์บอน เป็นต้น

4.    ผลจากความล้มเหลวของการควบคุมทางด้านวิศวกรรมและการบริหารจัดการ 

5.    การวางตําแหน่งที่ตั้งอุปกรณ์ เครื่องจักร และอาคารทั้งหมดของผังโรงงาน

6.    ปัจจัยด้านบุคคล เช่น ข้อผิดพลาดจากการปฏิบัติงาน ความไม่สมบูรณ์ด้านสุขภาพ ของพนักงาน

7.    การประเมินผลกระทบเชิงคุณภาพด้านความปลอดภัย และด้านสุขภาพที่อาจจะ เกิดขึ้นกับพนักงานในสถานประกอบการในกรณีที่การควบคุมล้มเหลว 

4) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องจัดให้มีคณะทำงานวิเคราะห์อันตรายอย่างน้อย 3 คน ซึ่งประกอบด้วยพนักงานที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านวิศวกรรมและกระบวนการผลิต พนักงานที่มี ความรู้และประสบการณ์ด้านกระบวนการวิเคราะห์และประเมินอันตราย และพนักงานที่มีความรู้ และประสบการณ์ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน 

5) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องจัดให้มีระบบในการจัดการกับสิ่งที่พบจากการตรวจประเมิน และข้อเสนอแนะจากคณะทำงานวิเคราะห์อันตราย เพื่อให้ข้อเสนอแนะนั้นได้รับการแก้ไขได้ทันเวลา และมีการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน โดยระบุถึงแผนการดําเนินงาน ผู้รับผิดชอบและกําหนดวันแล้วเสร็จ นอกจากนี้ยังจะต้องแจ้งให้ฝ่ายปฏิบัติการบำรุงรักษาและบุคลากรอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้ที่อาจได้รับ ผลกระทบจากคำแนะนำและการดําเนินงานนั้นด้วย 

6) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องปรับปรุงข้อมูลการวิเคราะห์อันตรายกระบวนการผลิตให้เป็นปัจจุบัน โดยให้ดําเนินการอย่างน้อยทุก 5 ปี หรือเมื่อมีการขยายหรือเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตจากเดิม ที่มีอยู่ ทั้งนี้ การปรับปรุงข้อมูลการวิเคราะห์อันตรายให้จัดทำโดยคณะทำงานวิเคราะห์อันตรายตาม (4) 

7) ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องจัดเก็บเอกสารการวิเคราะห์อันตรายกระบวนการผลิตไว้ตลอด ระยะเวลาที่กระบวนการผลิตนั้นยังใช้งานอยู่


16. หน่วยสมรรถนะร่วม (ถ้ามี)
N/A

17. อุตสาหกรรมร่วม/กลุ่มอาชีพร่วม (ถ้ามี)
N/A

18. รายละเอียดกระบวนการและวิธีการประเมิน (Assessment Description and Procedure)

18.1    เครื่องมือประเมินการเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประเมินและติดตามที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง

    1 ผลข้อสอบข้อเขียน

    2. ผลข้อสอบสัมภาษณ์

18.2 เครื่องมือประเมินการประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ)

    1 ผลข้อสอบข้อเขียน

    2. ผลข้อสอบสัมภาษณ์

18.3 เครื่องมือประเมินการติดตามอันตรายและความเสี่ยงที่เกิดจากงานที่มีความเสี่ยงสูง (พื้นที่อับอากาศ)

    1 ผลข้อสอบข้อเขียน

    2. ผลข้อสอบสัมภาษณ์



ยินดีต้อนรับ