หน่วยสมรรถนะ

หน่วยสมรรถนะ

กำหนดวิสัยทัศน์ของธุรกิจ

สาขาวิชาชีพธุรกิจเสริมสวยและเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย


รายละเอียดหน่วยสมรรถนะ


1. รหัสหน่วยสมรรถนะ HDS-BBE-6-002ZB

2. ชื่อหน่วยสมรรถนะ กำหนดวิสัยทัศน์ของธุรกิจ

3. ทบทวนครั้งที่ 1 / -

4. สร้างใหม่ ปรับปรุง

5. สำหรับชื่ออาชีพและรหัสอาชีพ (Occupational Classification)

ISCO 1211 ผู้จัดการด้านการบริการธุรกิจและการบริหารจัดการและการพาณิชย์
ISCO 1221 ผู้จัดการด้านการขาย การตลาด และการพัฒนาธุรกิจ



6. คำอธิบายหน่วยสมรรถนะ (Description of Unit of Competency)
มีความสามารถในการกำหนดทิศทางการทำงานขององค์การ มีความรู้ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และสภาพแวดล้อมภายนอกที่มีผลกระทบต่อธุรกิจ เช่น สภาพเศรษฐกิจ สภาพสังคม ความต้องการของลูกค้า และคู่แข่งขัน มีความรู้ในด้านการตลาด การบริหารจัดการ สามารถกำหนดทิศทางการทำงานของหน่วยงานได้ 

7. สำหรับระดับคุณวุฒิ
1 2 3 4 5 6 7 8

8. กลุ่มอาชีพ (Sector)
N/A

9. ชื่ออาชีพและรหัสอาชีพอื่นที่หน่วยสมรรถนะนี้สามารถใช้ได้ (ถ้ามี)
N/A

10. ข้อกำหนดหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง (Licensing or Regulation Related) (ถ้ามี)
•    พระราชบัญญัติกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม    •    กฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ.2560    •    ประกาศกระทรวงสาธารณสุข หลักเกณฑ์ มาตรการควบคุมการประกอบกิจการสักผิวหนังหรือเจาะส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย พ.ศ.2562    •    คำแนะนำคณะกรรมการสาธารณสุข    •    ข้อบัญญัติท้องถิ่น หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการประกอบกิจการ    •    พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2558    •    สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน มอก.

11. สมรรถนะย่อยและเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Elements and Performance Criteria)
หน่วยสมรรถนะย่อย (EOC) เกณฑ์ในการปฏิบัติงาน (Performance Criteria) รหัส PC
(ตามเล่มมาตรฐาน)
รหัส PC
(จากระบบ)
01111 วิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าเพื่อกำหนดทิศทางของธุรกิจ 1. วิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า (Customer Demand) 01111.01 123005
01111 วิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าเพื่อกำหนดทิศทางของธุรกิจ 2. วิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางการตลาด (Market environment analysis) 01111.02 123006
01112 วิเคราะห์สภาพแวดล้อมของธุรกิจเพื่อกำหนดกลยุทธ์ธุรกิจ 1. วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน และสภาพแวดล้อมภายนอกของธุรกิจ (SWOT analysis) 01112.01 123007
01112 วิเคราะห์สภาพแวดล้อมของธุรกิจเพื่อกำหนดกลยุทธ์ธุรกิจ 2. วิเคราะห์ความรุนแรงทางการแข่งขัน (Competition Rivalry of business) 01112.02 123008
01113 มีความรู้ในสายอาชีพเฉพาะของงานเสริมสวยเพื่อบริหารงานร้านเสริมสวย 1. ใช้ความรู้ในสายอาชีพเฉพาะด้านอย่างถูกต้องตามหลักการปฏิบัติที่ดี คำนึงถึงสุขอนามัย สถานที่ สภาพแวดล้อม ความปลอดภัยของธุรกิจ 01113.01 123009
01113 มีความรู้ในสายอาชีพเฉพาะของงานเสริมสวยเพื่อบริหารงานร้านเสริมสวย 2.มีความรู้ด้านเคมีภัณฑ์ สารเคมี เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน ที่ใช้ในธุรกิจเสริมสวย รู้วิธีการเลือกและการใช้อย่างถูกต้อง รู้ผลกระทบที่เกิดขึ้นของการใช้ที่ไม่ถูกต้อง โดยคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของผู้รับบริการและผู้ให้บริการ 01113.02 123010

12. ความรู้และทักษะก่อนหน้าที่จำเป็น (Pre-requisite Skill & Knowledge)

mso-fareast-font-family:"Times New Roman";mso-fareast-theme-font:minor-fareast;
mso-ansi-language:EN-US;mso-fareast-language:EN-US;mso-bidi-language:TH">N/A


13. ทักษะและความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge)

(ก) ความต้องการด้านทักษะ

มีทักษะทางการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของธุรกิจ ประกอบด้วยการทำความเข้าในสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความต้องการของลูกค้า สภาพความรุนแรงทางการแข่งขัน

(ข) ความต้องการด้านความรู้

มีความรู้ในการบริหารธุรกิจเสริมสวย และการเสริมสวยเฉพาะด้านเพื่อสร้างจุดขายทางธุรกิจให้มีความโดดเด่นเฉพาะทาง มีความรู้ในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของธุรกิจ ประกอบด้วยการทำความเข้าในสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความต้องการของลูกค้า สภาพความรุนแรงทางการแข่งขัน
มีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคติดต่อ สุขอนามัยและความปลอดภัย


14. หลักฐานที่ต้องการ (Evidence Guide)
หลักฐานที่ต้องการจะกำหนดข้อแนะนำเกี่ยวกับการประเมินและควรที่จะใช้ประกอบร่วมกันกับเกณฑ์การปฏิบัติงาน (Performance Criteria) และ ทักษะและความรู้ที่ต้องการ (Required Skills and Knowledge)    
1. หลักฐานการปฏิบัติงาน (Performance Evidence)
เอกสารการจดทะเบียนขออนุญาตประกอบกิจการธุรกิจจากหน่วยงานภาครัฐ    
2. หลักฐานความรู้ (Knowledge Evidence)
ความรู้ในด้านธุรกิจ ความรู้ในการประกอบกิจการธุรกิจ    
3. คำแนะนำในการประเมิน
พิจารณาจากแฟ้มสะสมผลงาน ประกอบการสัมภาษณ์    
4. วิธีการประเมิน    
   1. สอบข้อเขียน    
   2. สอบสัมภาษณ์
   3. แฟ้มสะสมผลงาน


15. ขอบเขต (Range Statement)

ขอบเขตอธิบายถึงขอบเขตของการปฏิบัติงาน และสภาพแวดล้อมอื่นๆหรือสถานการณ์อื่นๆ ที่มีผลกระทบต่อการทำงาน รวมถึงเครื่องมือ อุปกรณ์ เทคโนโลยี ทรัพยากรที่ใช้ หรือข้อกำหนดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

  1. คำแนะนำ 

N/A

  1. คำอธิบายรายละเอียด

        วิเคราะห์สภาพแวดล้อม  คือ  การศึกษาองค์ประกอบของสภาพแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินงานขององค์การ ผู้บริหารวิเคราะห์สภาพแวดล้อมเพื่อช่วยให้เกิดความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งจากภายในและภายนอกองค์การเพื่อกำหนดกลยุทธ์ที่จะเป็นไปได้อย่างเหมาะสมที่สุดกับสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้น การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล ผู้บริหารจะต้องเข้าใจโครงสร้างของสภาพแวดล้อม สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปแบ่งเป็น 3 ระดับคือ 

สภาพแวดล้อมทั่วไป (General environment)

สภาพแวดล้อมในการดำเนินการ (Operating environment) 

สภาพแวดล้อมภายใน  (Internal environment)  สภาพแวดล้อมทั้งสามระดับมีความสำคัญเท่า ๆ กันที่ผู้บริหารควรทำความเข้าใจความสำคัญในแต่ละระดับที่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานในองค์การเพื่อการกำหนด    กลยุทธ์ที่สนองตอบต่อสภาพแวดล้อม

1. สภาพแวดล้อมทั่วไป (The General Environment) หมายถึง สภาพแวดล้อมภายนอกองค์การซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจ (Economics) สังคม (Social)  การเมือง (Political) ข้อกำหนดของกฎหมาย (Legal)  และเทคโนโลยี (Technological)

1.1 สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ  เป็นสภาพแวดล้อมที่สำคัญที่เป็นเครื่องชี้ว่าองค์การจัดสรรทรัพยากรทางการบริหารอย่างไร เช่นในการผลิต การจัดจำหน่ายสินค้าหรือบริการอย่างไรในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้  สิ่งสำคัญในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจคือการพิจารณาเกี่ยวกับค่าจ้างแรงงาน อัตราเงินเฟ้อ อัตราภาษี ต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านต่าง ๆ ในการผลิตหรือให้บริการ   ราคาของสินค้าและบริการที่จะจำหน่ายให้แก่ลูกค้า เป็นต้น ผู้บริหารควรวิเคราะห์ด้วยความระมัดระวังเพราะจะทำให้เกิดผลกระทบสำคัญต่อผลกำไรขององค์การ

1.2 สภาพแวดล้อมทางสังคม  เป็นสภาพแวดล้อมทั่วไปที่เกี่ยวกับลักษณะของสังคม ความสำคัญของการศึกษาสภาวะทางสังคมคือการวิเคราะห์เกี่ยวกับประชากร (Demographics) และค่านิยมในสังคม (Social values)

การศึกษาเกี่ยวกับประชากรในสังคมคือการศึกษาในเชิงสถิติเกี่ยวกับลักษณะของประชากรการเปลี่ยนแปลงของประชากรเช่นในด้านของจำนวนประชากร รายได้ของประชากร ความแตกต่างของกลุ่มประชากร การเปลี่ยนแปลงของประชากรมีผลกระทบต่อการสร้างรายได้การจำหน่ายสินค้าและบริการให้แก่ประชากร ตัวอย่างเช่นประชากรมีจำนวนมากขึ้นทำให้มีความต้องการบ้านอยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ในขณะที่ประชากรมีรายได้ลดน้อยลง ทำให้องค์การวางแผนกลยุทธ์ในการจำหน่ายที่อยู่อาศัยในราคาต่ำและสามารถเลือกเงื่อนไขการชำระเงินได้ เป็นต้น ความเข้าใจในด้านการเปลี่ยนแปลงของประชากรช่วยให้องค์การพัฒนากลยุทธ์ที่ช่วยให้สอดคล้องกับการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับประชากร เช่น การจัดจ้างพนักงานเข้ามาทำงานในองค์การก็จะต้องพิจารณาเรื่องคุณสมบัติของประชากรที่จะเข้ามาทำงานในองค์การเป็นต้น

การศึกษาเกี่ยวกับค่านิยมในสังคมก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการกำหนดกลยุทธ์คือ ผู้บริหารควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของค่านิยมของคนในสังคม บางครั้งอาจมีการเปลี่ยนค่านิยมใหม่อย่างรวดเร็ว หรือบางครั้งก็อาจเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ ก็ได้ดังนั้นจึงควรศึกษาถึงค่านิยมของคนในสังคมด้วยเพื่อการกำหนดกลยุทธ์ที่ตอบสนองต่อค่านิยมของคนในสังคม

1.3 สภาพแวดล้อมทางการเมือง(The Political Component) เป็นสภาพแวดล้อมทั่วไปขององค์การที่เกี่ยวกับกิจกรรมของภาครัฐ   หรือข้อกำหนดของรัฐบาลแนวโน้มทางการเมือง  เช่น การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับด้านอุตสาหกรรม   ด้านการส่งออกสินค้าไปขายต่างประเทศ  นโยบายด้านการส่งเสริมทางการค้า  สภาพแวดล้อมทางการเมืองเกี่ยวข้องกับกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง การร่างข้อกฎหมาย พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน แนวโน้มทางการเมือง ล้วนมีผลต่อการกำหนดกลยุทธ์ขององค์การทั้งสิ้น

1.4 สภาพแวดล้อมทางกฎหมาย (The Legal Component)  หมายถึง การกำหนดข้อกฎหมายเพื่อให้สมาชิกในสังคมปฏิบัติตามข้อกฎหมายนั้น กฎหมายบางอย่างเอื้อประโยชน์ต่อการดำเนินกลยุทธ์ขององค์การ แต่ข้อกฎหมายบางอย่างก็ขัดต่อการกำหนดกลยุทธ์ ดังนั้นผู้บริหารจึงควรพิจารณาว่าข้อกฎหมายที่กำหนดขึ้นหรือกำลังจะกำหนดให้มีต่อไปนั้นเอื้อประโยชน์หรือเป็นอุปสรรคต่อองค์การ

1.5 สภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยี (The Technology Component) หมายถึง  การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีที่ใช้เช่นการให้บริการมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาน กระบวนการผลิต การเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์เทคโนโลยีในการเสริมสวยที่เปลี่ยนแปลง

2. สภาพแวดล้อมทางการดำเนินการ(The Operating Environment)สภาพแวดล้อมการดำเนินการ หมายถึง สภาพแวดล้อมภายนอกที่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานขององค์การอย่างทันที สภาพแวดล้อมภายนอกดังกล่าวประกอบด้วย ลูกค้า (Customer Component)  คู่แข่งขัน (Competition Component)           ผู้จำหน่ายปัจจัยการผลิต (Supplier Component)  สภาวะการระหว่างประเทศ (International Component)

2.1 ลูกค้า (Customer Component) หมายถึง  ความต้องการของลูกค้าที่เป็นปัจจัยสำคัญที่มีความสัมพันธ์ต่อการผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายหรือการให้บริการที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า การพัฒนาในด้านผลิตภัณฑ์และบริการควรพิจารณาสภาพแวดล้อมเกี่ยวกับลูกค้า เช่น ความต้องการของลูกค้า ข้อเสนอแนะจากลูกค้า คำตำหนิของลูกค้า

2.2 การแข่งขัน (Competition Component) หมายถึง สภาพแวดล้อมในการดำเนินการเพื่อต่อสู้กับคู่แข่งขันในทางธุรกิจเพื่อการปฏิบัติการที่เหนือกว่าคู่แข่งขัน สภาพแวดล้อมทางการแข่งขันในด้านลูกค้าทำให้องค์การมีการปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์อยู่เสมอเพื่อให้เกิดความได้เปรียบเหนือคู่แข่งขัน วัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์คู่แข่งขันก็เพื่อให้ผู้บริหารเข้าใจในจุดแข็ง (strengths) จุดอ่อน (weaknesses) ศักยภาพขององค์การ (capabilities) ศักยภาพของคู่แข่งขันเพื่อการกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสม

2.3 ตลาดแรงงาน  (Labor Component) หมายถึง  สภาพแวดล้อมเกี่ยวกับการจ้างพนักงานตามความต้องการขององค์การ   เกี่ยวข้องกับเรื่องคุณสมบัติของพนักงานหรือแรงงานที่ต้องการ ระดับของทักษะที่ต้องการในการทำงาน การฝึกอบรม อัตราค่าจ้างแรงงาน อายุงานของพนักงานและองค์ประกอบอื่นที่เกี่ยวข้องกับตัวพนักงานที่องค์การต้องการ

2.4 ผู้จำหน่ายปัจจัยการผลิต(The Supplier Component) หมายถึงสภาพแวดล้อมในการดำเนินการที่เกี่ยวกับการจัดหาทรัพยากรเพื่อใช้ในการผลิตหรือการให้บริการ ผู้บริหารควรวิเคราะห์สภาพแวดล้อมด้านผู้จำหน่ายปัจจัยการผลิต เกี่ยวกับการที่ผู้จำหน่ายปัจจัยการผลิตสามารถจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ราคาต่ำสุด การส่งมอบที่เชื่อถือได้และการให้เครดิตในการซื้อแต่ละครั้ง สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนปัจจัยนำเข้าที่ผู้บริหารควรพิจารณาถึงประสิทธิภาพของผู้จำหน่ายปัจจัยการผลิตด้วย

2.5 สภาพแวดล้อมระหว่างประเทศ (The International Component) หมายถึง สภาพแวดล้อมที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจกับต่างประเทศ แม้ว่าองค์การไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจกับต่างประเทศก็ควรศึกษาเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศของประเทศต่าง ๆ เช่นกฎหมาย วัฒนธรรม สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมืองของประเทศต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการขยายตัวขององค์การต่อไปในอนาคตซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจต่างประเทศ

สภาพแวดล้อมภายใน  (The Internal Environment) สภาพแวดล้อมนี้เกิดขึ้นภายในองค์การในระดับการทำงานภายในเป็นสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ เช่น การดำเนินงานของฝ่ายต่าง ๆ ตามหน้าที่ เช่น ฝ่ายการตลาดขององค์การ ฝ่ายการเงิน ฝ่ายบัญชี งานในหน้าที่เหล่านี้ควรมีการวางแผน การจัดองค์การ การชักนำและการควบคุมภายในองค์การที่ดี และมีการปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น องค์การสามารถปรับปรุงสภาพแวดล้อมภายในได้ 

สามารถวิเคราะห์สถานการณ์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอกของธุรกิจ สถานการณ์ทางการตลาดในปัจจุบัน  วิเคราะห์ SWOT analysis วิเคราะห์กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายรัฐและเอกชนกำหนดวัตถุประสงค์ทางการตลาด วิเคราะห์แรงกดดันห้าประการ วิเคราะห์คู่แข่งขัน ความรุนแรงทางการแข่งขัน วิเคราะห์ตำแหน่งของผลิตภัณฑ์กำหนดรูปแบบการแบ่งส่วนทางการตลาด กำหนดตลาดเป้าหมาย การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์เป็นผู้มีความสามารถทางการบริหาร สามารถประกอบธุรกิจได้ด้วยประสบการณ์และ ความรู้เกี่ยวกับสภาพทางการตลาด ความต้องการของลูกค้า ใช้ความรู้ด้านสุขอนามัย สถานที่ สภาพแวดล้อม ความปลอดภัย  

การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม  (SWOT analysis) 

C:\Users\Administrator\Desktop\downloadv.png

การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมขององค์การเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในองค์การและภายนอกองค์การเพื่อการกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสม การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในทำให้ทราบจุดแข็งและจุดอ่อนขององค์การ ส่วนการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกทำให้ทราบโอกาสและอุปสรรคขององค์การ การวิเคราะห์  (Tows Matrix) เป็นการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรคทางสภาพแวดล้อมเพื่อใช้ในการกำหนดกลยุทธ์ทางเลือกได้ 4 ประการ (Four Alternative Strategies)  ดังนี้

1. กลยุทธ์ SO หมายถึง ธุรกิจมีจุดแข็งและมีโอกาสในการเจริญเติบโตได้อีก  ทำให้ธุรกิจสามารถขยายการลงทุนเพิ่มได้อีก

2. กลยุทธ์ ST หมายถึง ธุรกิจมีจุดแข็ง แต่มีอุปสรรคจากคู่แข่งขัน หรือปัจจัยอื่น ๆ ธุรกิจจึงควรหลีกเลี่ยงอุปสรรค

3. กลยุทธ์ WO หมายถึง ธุรกิจมีจุดอ่อน เช่น ขาดเงินทุน หรือขาดความเชี่ยวชาญในการผลิต หรืออาจมีจุดอ่อนอื่น ๆ ที่ทำให้ไม่สามารถคงอยู่ได้ ธุรกิจควรค้นหาวิธีในการเปลี่ยนจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็ง เพราะยังมีโอกาสหรือช่องทางในการทำธุรกิจอยู่มาก

4. กลยุทธ์ WT เป็นสภาวการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เพราะนอกจากธุรกิจจะมีจุดอ่อนในตนเองแล้วยังมีอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจด้วย จึงควรพิจารณาเลิกกิจการหรือแสวงหาความร่วมมือกับธุรกิจอื่น


C:\Users\Administrator\Downloads\download (1).jpg

วิเคราะห์แรงกดดันห้าประการ (Five Forces Analysis)  (Michael E. Porter) เพื่อพิจารณาแรงกดดันทางธุรกิจที่มีผลต่ออุตสาหกรรม (Supplier Forces) ธุรกิจ ประกอบด้วย แรงกดดันของผู้เข้ามาใหม่ (New Entrance) แรงกดดันจากผู้จำหน่ายปัจจัยการผลิต (Supplier Forces) แรงกดดันจากลูกค้า (Customer Forces) แรงกดดันจากสินค้าทดแทนได้ (Substitute Product forces) และแรงกดดันจากความรุนแรงของการแข่งขัน  

มีความรู้ด้านเคมีภัณฑ์ สารเคมี ที่ใช้ในธุรกิจเสริมสวย รู้วิธีการเลือกและการใช้สารเคมีอย่างถูกต้อง       รู้ผลกระทบที่เกิดขึ้นของการใช้สารเคมีที่ไม่ถูกต้อง โดยคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของผู้รับบริการ และผู้ให้บริการ สามารถบริหารธุรกิจเสริมสวยเฉพาะทางได้ และมีความชัดเจนในธุรกิจเสริมสวยนั้น



16. หน่วยสมรรถนะร่วม (ถ้ามี)
N/A

17. อุตสาหกรรมร่วม/กลุ่มอาชีพร่วม (ถ้ามี)
N/A

18. รายละเอียดกระบวนการและวิธีการประเมิน (Assessment Description and Procedure)

  1. สอบข้อเขียน

  2. สอบสัมภาษณ์ 

  3. แฟ้มสะสมผลงาน



ยินดีต้อนรับ